แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ruataewada

หน้า: [1]
1
อสังหา / ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ มีกี่แบบ
« เมื่อ: 02 ตุลาคม 2023, 09:44:00 am »


ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ อย่างไร ให้ปลอดสารพิษ ลงทุนน้อย สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน SGE รวบรวมมาให้แล้ว ทั้ง วัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม วิธีการในปลูก และ ชนิดของพืชที่เหมาะกับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ รับรองว่า มือใหม่ก็ทำได้ ยิ่งมือเก๋า ก็ยิ่งทำได้สบาย หากอยากรู้ว่า มีวิธีการอย่างไรบ้างแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย

ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน แต่จะใช้ น้ำ เป็นหลัก ผสมกับสารละลายที่มีธาตุอาหารเป็นแหล่งอาหารสำคัญของพืช ในการเจริญเติบโต โดยวิธีการปลูกพืชแบบนี้ถูกพัฒนาเรื่อย ๆ มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 ก่อนที่จะเริ่มเป็นที่แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน โดยการปลูกผักแบบไฮโดรนิกส์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ คือ

Nutrient Film Technique (NFT) : คือ การปลูกพืช โดยให้สารละลายที่มีธาตุอาหาร ผ่านรากพืชที่ปลูกบนราง ตามความลาดชันของรางปลูกอย่างช้า ๆ เป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆประมาณ 1 – 3 มิลลิเมตร พืชที่ปลูกได้ดีและนิยมปลูกในระบบนี้ ได้แก่ ผักกินใบจำพวกสลัด มีอายุประมาณ 45 – 50 วัน
Deep Flow Technique (DFT) : คือ การปลูกแบบลอยน้ำ โดยยกรางปลูกให้สูง เพื่อให้รากของพืชลอยในอากาศ ส่วนปลายรากนั้นอยู่ในรางปลูก ซึ่งมีสารละลายที่มีธาตุอาหารไหลผ่าน ผักที่นิยมปลูกด้วยวิธีนี้ ได้แก่ ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักโขม เป็นต้น
Dynamic Root Floating Technique (DRFT) : เป็นการปลูกพืชแบบน้ำเยอะ โดยนำแผ่นโฟมมาเจาะรู แล้วรองด้วยแผ่นพลาสติกใส่น้ำ โดยระบบนี้เหมาะสำหรับปลูกผักไทยเช่น ขึ้นฉ่าย กะเพรา ที่สุด ไม่เหมาะกับการปลูกพืชทรงพุ่มแบบผักสลัด เพราะแผ่นโฟมทำความสะอาดได้ยาก และอาจมีเชื้อโรคที่อยู่บนแผ่นโฟม ทำให้ใบของต้นพืชเน่าและเสียหายได้

วัสดุ – อุปกรณ์ที่ใช้ในการ ปลูกผักไฮโดรนิกส์

1. โรงเรือน

โรงเรือน ไม่จำกัดขนาด จะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ แต่สำคัญคือ ควรตั้งอยู่ในที่โล่งแจ้ง และ ถ่ายเทอากาศได้ดี ดังนั้น จึงควรมีลักษณะสูงโปร่งเป็นหลัก ที่สำคัญคือ ต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอ มีระบบไฟฟ้าในการช่วยควบคุมการจ่ายน้ำ ตลอดจนควรมีมุ้งเพื่อป้องกันแมลงและการกระแทกของน้ำฝนด้วย

2. ภาชนะที่ใช้ในการปลูก

การ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ ท่อ PVC มาเจาะรู แล้วใช้เป็นภาชนะสำหรับปลูก เพราะมีราคาค่อนข้างถูก ขนาดยาว สามารถเจาะรู ต่อทำระบบรางได้ง่าย แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้โฟมมาเจาะรู แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะอาจมีเชื้อโรคที่อยู่บนแผ่นโฟม ทำให้ใบของต้นพืชเน่าและเสียหายได้

3. วัสดุที่ใช้ในการปลูก

วัสดุที่ใช้ในการปลูก ในที่นี้หมายถึง วัสดุอื่นที่จะมาแทนที่ดิน เพื่อช่วยให้รากและลำต้นของพืช สามารถเกาะหรือค้ำยันอยู่ในภาชนะสำหรับปลูกได้ ส่วนใหญ่นิยมใช้ ทราย หินภูเขาไฟ เม็ดดินเผา หรือ ฟองน้ำ สำหรับค้ำยันพืชที่มีรากหรือลำต้นเตี้ย ส่วน เชือก ลวด ไม้ค้ำ จะเป็นวัสดุสำหรับผูกหรือมัด ให้พืชที่มีสำต้นสูง ทรงตัวอยู่ได้

4. เมล็ดพันธุ์ผัก

ควรเลือกชนิดของผักให้เหมาะกับระบบการปลูก เช่น ผักสลัด เหมาะกับ NFT ผักไทย เหมาะกับ DFT หรือ DRFT ที่สำคัญคือ ควรเลือกเมล็ดพันธุ์ของผักที่มีเปอร์เซ็นต์จะงอกสูง เพื่อให้เพาะปลูกได้ง่าย

5. น้ำสะอาด และ สารละลายที่มีธาตุอาหาร

ควรเตรียมน้ำสะอาด มีคุณภาพดี และ มีปริมาณเพียงพอต่อการปลูก รวมถึงสารละลายที่มีธาตุอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าจะเป็น สารละลายเกลือ อนินทรีย์ต่างๆ เช่น โพแทสเซี่ยมฟอสเฟต โพแทสเซี่ยมไนเตรต ซึ่งจะให้ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซี่ยม แมกนีเซียม กำมะถัน แคลเซียม และ ธาตุเหล็ก

6. อุปกรณ์ในการเตรียมสารละลายที่มีธาตุอาหาร

สารละลายที่มีธาตุอาหาร เป็นวัตถุดิบสำคัญที่จะช่วยให้ผักเจริญเติบโต จึงควรมีอุปกรณ์สำหรับเตรียมสารละลายที่มีธาตุอาหารโดยเฉพาะ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพออยู่ตลอดเวลา โดยสิ่งที่ควรมีได้แก่ ถังใส่สารละลายธาตุอาหาร ถุงมือ เพื่อปรับหรือควบคุมสารละลายให้มีค่ากรดด่างสมดุล และ เครื่องชั่งวัดตวง สำหรับตวงปริมาณปุ๋ย หรือ สารอาหารต่าง ๆ

7. อุปกรณ์สำหรับตรวจวัดและควบคุมสารละลายที่มีธาตุอาหาร

อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ อุปกรณ์สำหรับตรวจวัดและควบคุมสารละลายที่มีธาตุอาหาร ได้แก่ เครื่องมือตรวจวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่างของสารละลายธาตุอาหารพืช (pH meter) เครื่องมือตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายธาตุอาหารพืช (EC meter) เพื่อให้สารละลายมีค่า pH และ ค่า EC ที่เหมาะสม ทำให้เวลาจ่ายน้ำไป ผักจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างเต็มที่

8. ระบบไฟฟ้าและปั๊มน้ำ

หากปลูกแปลงใหญ่ แล้วไม่ต้องการรดน้ำ เติมสารละลายที่มีธาตุอาหารด้วยตัวเองตลอดเวลา ควรมีระบบไฟฟ้า เพื่อให้สามารถควบคุมการส่งน้ำ ไหลเวียนของน้ำให้ไหลไปตามรางปลูกได้อย่างทั่วถึง แต่หากปลูกเพื่อรับประทานภายในครอบครัว อาจไม่ต้องมีก็ได้

9. ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงเรือน

เนื่องจากแสงแดดในเมืองไทย ค่อนข้างร้อนจัด อาจส่งผลให้อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในโรงเรือน มีการผันแปรได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตได้ จึงควรมีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงเรือน เพื่อให้มีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชตลอดเวลา

10. ห้องเย็นและระบบขนส่งที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้

เมื่อทำการเก็บเกี่ยว จนถึงเวลาเตรียมจัดส่งและวางขาย ควรมีห้องเย็น และ ระบบขนส่ง ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อทำให้ผักของคุณยังคงมีความสดใหม่ สามารถส่งตรงไปถึงผู้บริโภคได้อย่างมีคุณภาพ

แนะนำสำหรับคุณ  รั้วตาข่าย ตาข่ายถัก

2
อสังหา / Re: หลักการเลือกซื้อพระเครื่อง
« เมื่อ: 28 กันยายน 2023, 16:15:53 pm »
พระเครื่องเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย โดยมีความเป็นมาย้อนไปตั้งแต่สมัยพุทธกาล แรกเริ่มเดิมทีพระเครื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุไว้ในเจดีย์เพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ต่อมาในสมัยอยุธยา พระเครื่องเริ่มมีความเชื่อในเรื่องของพุทธคุณและไสยศาสตร์ จึงมีการนำพระเครื่องมาพกติดตัวเพื่อคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ

ในสมัยรัตนโกสินทร์ ความเชื่อเรื่องพระเครื่องยิ่งทวีความนิยมมากขึ้น มีการสร้างขึ้นมากมายหลากหลายรูปแบบและวัสดุ มีทั้งพระเครื่องที่สร้างขึ้นโดยวัดและพระเครื่องที่สร้างขึ้นโดยฆราวาส พระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยมสูงมักจะเป็นวัตถุมงคลที่เชื่อกันว่ามีพุทธคุณและไสยศาสตร์สูง เช่น พระสมเด็จ พระกริ่ง พระปิดตา เป็นต้น

ในปัจจุบันพระเครื่องยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง มีการจัดประกวดพระเครื่องและซื้อขายพระเครื่องกันอย่างแพร่หลาย พระเครื่องบางองค์มีราคาซื้อขายสูงถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว

ความเชื่อเกี่ยวกับพระเครื่อง

ความเชื่อเกี่ยวกับพระเครื่องนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล บางคนเชื่อว่าพระเครื่องมีพุทธคุณที่สามารถคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ บางคนเชื่อว่าพระเครื่องสามารถเสริมดวงชะตาและช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนเชื่อว่าพระเครื่องเป็นเพียงแค่วัตถุมงคลที่มีความสวยงามและน่าสะสม

ประเภทของพระเครื่อง

พระเครื่องสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลักษณะของวัตถุที่ใช้สร้าง ดังนี้

พระเนื้อดินเผา เป็นประเภทพระเครื่องที่พบได้มากที่สุด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล
พระเนื้อชิน เป็นประเภทพระเครื่องที่สร้างขึ้นจากโลหะผสมต่างๆ เช่น ทองเหลือง ทองแดง เงิน เป็นต้น
พระเนื้อผงพุทธคุณ เป็นประเภทพระเครื่องที่สร้างขึ้นจากผงพุทธคุณผสมกับปูนขาวและเกสรดอกไม้
พระเนื้อโลหะ เป็นประเภทพระเครื่องที่สร้างขึ้นจากโลหะบริสุทธิ์ เช่น ทองคำ เงิน เป็นต้น
พระเนื้อว่าน เป็นประเภทพระเครื่องที่สร้างขึ้นจากว่านมงคลต่างๆ
พระเนื้อไม้ เป็นประเภทพระเครื่องที่สร้างขึ้นจากไม้มงคลต่างๆ
นอกจากนี้ พระเครื่องยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามรูปแบบขององค์พระ เช่น พระพิมพ์ พระกริ่ง พระปิดตา พระเครื่องรางของขลัง เป็นต้น

อยากรู้มากขึ้น ตามมา www.sakara.store พระเครื่อง

3
อสังหา / Re: พ่นกันสนิม!!จำเป็นจริงหรือ?
« เมื่อ: 28 กันยายน 2023, 14:27:07 pm »
สนิมในเหล็กเสริมคอนกรีต

สนิมในเหล็กเสริมคอนกรีต (Rust in Concrete Reinforcement Rebar)

สนิมคืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร

สนิม คือ การผุกร่อนของเหล็ก หรือโลหะชนิดอื่น ๆ เกิดจากการที่ผิวของเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจน และความชื้นในอากาศหรือในน้ำ ทำให้เหล็กในบริเวณนั้นมีลักษณะ หรือคุณสมบัติเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น สี ความแข็งแรง และการผุกร่อนไม่สามารถคงสภาพได้ สนิมโดยทั่วไป จะมี 2 ชนิด ได้แก่

สนิมผิว คือ สนิมระยะแรกเริ่ม เหล็กยังคงสภาพได้ และยังไม่สูญเสียความแข็งแรง แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานจะกลายเป็นสนิมขุม
สนิมขุม คือ สนิมที่ลุกลามเข้าไปในเนื้อเหล็ก ทำให้เหล็กสูญเสียความแข็งแรง และการคงสภาพ จนไม่สามารถนำไปใช้งานได้

สนิมผิว


สนิมขุม

ผลเสียของสนิมขุมในเหล็กเสริมคอนกรีต

โครงสร้างของอาคารสูญเสียกำลังรับน้ำหนักจากขนาดของหน้าตัดของเหล็กเสริมที่ลดลง
สูญเสียแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กเสริมกับคอนกรีต เนื่องจากสนิมเปราะและแตกหักได้ง่าย เมื่อเกิดที่ผิวเหล็กจะทำให้คอนกรีตยึดเกาะกับสนิมแทนที่จะยึดเกาะกับเนื้อเหล็ก ทำให้แรงยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กกับคอนกรีตลดลง
เมื่อแรงยึดเกาะระหว่างเหล็กกับคอนกรีตลดลงจะเกิดรอยแตกร้าวหลุดร่อนออกของคอนกรีตที่หุ้มผิวเหล็กเสริม ทำให้โครงสร้างขาดความมั่นคงแข็งแรง และความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกจะลดลง

วิธีการป้องกันเหล็กไม่ให้เกิดสนิม

1. การกองเก็บ ต้องกองเก็บเหล็กให้ลอยสูงจากพื้นเพื่อป้องกันความชื้นจากพื้นดิน
ไม่กองเก็บในบริเวณที่มีน้ำขัง แต่ควรกองเก็บในบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิด และมีหลังคา
ใช้ผ้าใบคลุมกองเหล็กเพื่อป้องกันน้ำฝนไม่ให้โดนเหล็ก ในกรณีกองเหล็กกลางแจ้ง แต่ควรระวังเรื่องการถ่ายเทอากาศไม่ให้เกิดความชื้นขึ้นในผ้าใบ
ใช้สารเคลือบผิวป้องกันสนิมประเภทอีพอกซี ลาเทกซ์ ซีเมนต์ และสังกะสี ตามความเหมาะสมกับประเภทของงาน

ขอขอบคุณ https://vinemanfence.com/vineman-the-superior-znal-barbed-wire/ ลวดหนามกันสนิม และ ลวดหนามทนสนิม
อ้างอิงจาก tatasteelthailand.com

4
วิธีปลูกมะนาวในกระถาง ให้ลูกดก เก็บกินเก็บขายได้ตลอดทั้งปี


มะนาว พันธุ์อะไร ปลูกแล้วให้ลูกดก ?

อยากปลูก มะนาว ให้ออกลูกดก เก็บกินเก็บขายได้ตลอดทั้งปี สามารถปลูกได้ทุกพันธุ์เลย ไม่ว่าจะเป็น พันธุ์แป้นรำไพ แป้นจริยา แต่ถ้าเลือกพันธุ์ที่ทนต่อโรคแคงเกอร์ ซึ่งมักเป็นโรคที่เกิดกับมะนาวนั้น แนะนำให้เลือก พันธุ์พิจิตร 1 หรือ พันธุ์ตาฮิติ จะดีที่สุด

ยิ่งถ้าใครเป็นมือใหม่หัดปลูกมะนาว พันธุ์พิจิตร 1 ถือว่าตอบโจทย์ เพราะเป็นพันธุ์ที่ออกดอกตลอดปี ติดผลดก มีระบบรากแข็งแรง อย่างไรก็ตาม มะนาวพันธุ์นี้ ต้องรอนาน 6 เดือน ถึงจะได้ผลมะนาวที่มีคุณภาพ และ ต้องคอยเก็บผลมะนาว ตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ออกผลลูกใหญ่ สวยงาม
เคล็ดลับ ปลูกมะนาวในกระถาง ให้ได้ผลดี

เคล็ดลับ ปลูกมะนาวในกระถาง ให้ได้ผลดี มีหลายองค์ประกอบด้วยกัน ตั้งแต่การเตรียมกิ่งพันธุ์ ลักษณะดิน การรดน้ำ ให้แสงแดด ตลอดจนการใส่ปุ๋ย การควบคุมโรคและศัตรูพืช ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

การเตรียมกิ่งพันธุ์

ควรเลือกกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรค ไม่แก่จนใบเหลือง หรือ รากขด

ลักษณะดิน

ดินควรมีความร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง สัดส่วนของดิน ควรประกอบด้วย ดินร่วน 3 ส่วน แกลบดิบ หรือ กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน และ ปุ๋ยคอก 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน

การรดน้ำ ให้แสงแดด

ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้ง พอแค่ให้ดินชุ่ม หากวันใดฝนตกก็เว้นไป ไม่ต้องรดน้ำ สำหรับแสงแดด ควรตั้งไว้ในที่แจ้ง ให้ต้นมะนาวได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง

การใส่ปุ๋ย

เดือน 1 – เดือน 7 ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ สูตร 16-16-16 อัตรา 1-2 ช้อนโต๊ะ เดือนละ 1 ครั้ง โดยหย่อนใส่ 4 มุมของกระถางก็พอ หากต้นสมบูรณ์ดี ให้เว้นบ้างก็ได้

เมื่อต้นมะนาวมีอายุ 8 เดือน ถึง 1 ปี ต้องเปลี่ยนเป็น ปุ๋ยสูตร 8–24–24 หรือ 12-24-12 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการออกดอก อัตรา 1-2 ช้อนโต๊ะ เดือนละ 1 ครั้ง พอใส่เสร็จแล้วรดน้ำตามทันที อีกประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ต้นก็จะออกดอกปรากฏให้เห็น และ ให้ผล ในเวลาต่อมา

การควบคุมโรคและศัตรูพืช

เดือน 1 – เดือน 5 เมื่อต้นมะนาวเริ่มออกใบอ่อน อาจมีศัตรูพืชเข้ามากัดแทะทำลาย เช่น หนอนผีเสื้อกลางคืน ดังนั้น จะต้องคอยฉีดพ่น ปิโตรเลียมออยล์ ผสม สารอะบาเม็กติน หรือ คาร์โบซัลแฟน ฉีด 2 ครั้ง เว้น 3 วัน เมื่อผ่านไป 9-10 วัน ใบมะนาวก็จะปลอดภัยจากแมลงศัตรูแล้ว
เดือน 5 – เดือน 8 ให้คอยตัดแต่งกิ่ง และ ฉีดพ่นสารเคมี ประเภทสารประกอบทองแดง เช่น คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ เป็นช่วง ๆ เพื่อป้องกันโรคแคงเกอร์
หากต้นมะนาวเกิดโรคแคงเกอร์แล้ว ให้ใช้แบคทีเรียบาซิลลัส สูตรพลายแก้ว หรือ Zinc Oxide Nano ฉีดพ่นทุก 30 วัน ถ้าไม่อยู่ ให้ตัดแต่งกิ่งก้านใบ ลำต้นที่ถูกทำลาย มาเผาทิ้งเสีย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม

ที่มา sgethai.com

5
อสังหา / หลักการเลือกซื้อพระเครื่อง
« เมื่อ: 27 กันยายน 2023, 16:08:27 pm »
พระเครื่องเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ผู้คนนิยมสะสมพระเครื่องด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น เพื่อความสวยงาม เพื่อเสริมบารมี หรือเพื่อการลงทุน

การจะเลือกซื้อพระเครื่องให้ได้พระที่แท้และคุ้มค่านั้น จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นอย่างดี ต่อไปนี้เป็นหลักการเลือกซื้อพระเครื่องที่ควรพิจารณา:

ความแท้ สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อพระเครื่องคือความแท้ จะต้องตรวจสอบความแท้ของพระเครื่องอย่างรอบคอบ โดยอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือนำพระไปตรวจสอบกับสถาบันที่เชื่อถือได้

ความนิยม พระเครื่องที่ได้รับความนิยมจะมีราคาสูงและหายาก ผู้ที่เริ่มสะสมพระเครื่องจึงควรเลือกพระเครื่องที่ได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง เพื่อให้สามารถหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่สูงเกินไป

พุทธคุณ พุทธคุณของพระเครื่องเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ผู้ที่บูชาพระเครื่องควรเลือกพระเครื่องที่มีพุทธคุณเหมาะสมกับความต้องการ เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นต้น

ความสวยงาม พระเครื่องที่ดีควรมีความสวยงาม สมกับเป็นวัตถุมงคลที่มีความศักดิ์สิทธิ์

ราคา ราคาของพระเครื่องขึ้นอยู่กับความแท้ ความนิยม พุทธคุณ และความสวยงาม ผู้ที่เลือกซื้อพระเครื่องควรกำหนดงบประมาณในการซื้อไว้ก่อน เพื่อให้ไม่เสียเงินเกินควร

ตัวอย่างของพระเครื่องที่ได้รับความนิยม:

พระสมเด็จวัดระฆัง
พระรอด
พระนางพญา
พระซุ้มกอ
พระผงสุพรรณ
เคล็ดลับในการเลือกซื้อพระเครื่อง:

ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องที่ต้องการซื้ออย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงประวัติความเป็นมา พุทธคุณ และราคา
ควรเลือกซื้อพระเครื่องจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านพระเครื่องที่มีชื่อเสียงหรือสถาบันที่เชื่อถือได้
ควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายพระเครื่องผ่านสื่อออนไลน์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง
สรุป:

การเลือกซื้อพระเครื่องให้ได้พระที่แท้และคุ้มค่านั้น จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระเครื่องเป็นอย่างดี โดยพิจารณาจากหลักการเลือกซื้อพระเครื่องที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพระเครื่องที่ต้องการซื้ออย่างละเอียด และเลือกซื้อพระเครื่องจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้พระเครื่องที่แท้และคุ้มค่า

ฝากไว้ให้คิด  พระเครื่อง

6
อสังหา / พ่นกันสนิม!!จำเป็นจริงหรือ?
« เมื่อ: 27 กันยายน 2023, 14:43:44 pm »
พ่นกันสนิม!!จำเป็นจริงหรือ?

ในอดีตปัญหาเรื่องสนิมมักเป็นชวนสยองของเจ้าของรถ ทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ว่าการซื้อรถใหม่ต้องพ่นกันสนิม แต่ในปัจจุบันเริ่มเลือนรางหายไป จะมีก็แต่คำถามที่ว่า จำเป็นจริงหรือต้องพ่นกันสนิม “รู้ก่อนเหยียบ” จึงขอนำทุกท่านมาไขปัญหาดังกล่าว

สนิม เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่าง ออกซิเจนและธาตุเหล็ก เกิดเป็นรอยของการเกิดการผุกร่อน ซึ่งมักเกิดกับโลหะจำพวกเหล็ก
 
ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็ก

เป็นปฏิกิริยาที่พบเห็นได้ง่ายๆ กับสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบ แต่จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อมีเหล็กสัมผัสกับน้ำและความชื้น โดยจะค่อย ๆ สึกกร่อน กลายเป็นเหล็กออกไซด์ มีชื่อทางเคมีว่า ไฮเดรตเฟอริกออกไซด์ หรือที่เรารู้จักกันว่า สนิมเหล็ก มีลักษณะเป็นคราบสีแดง ซึ่ง สามารถหลุดออกออกไปได้ไม่ยากนัก ทำให้เนื้อเหล็กที่อยู่ชั้นในสามารถเกิดสนิมต่อจนกระทั่งหมดทั้งชิ้น กระบวนการเกิดสนิมค่อนข้างซับซ้อน โดยมีปัจจัยคือ น้ำและออกซิเจน ซึ่งมีอยู่ทั่วไปใน บรรยากาศโลก เหล็กจะเกิดสนิมเร็วขึ้นในบางสภาวะ เช่น สภาวะที่เป็นกรด ตามชายทะเลที่ไอเกลือเข้มข้น เป็นต้น

การป้องกันสนิมของผู้ผลิตรถยนต์

 หลังปี 1996 ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาสนิมอย่างจริงจัง สรรหาสารพัดวิธีเพื่อปกป้องรถไม่ให้เกิดสนิม โดยวิธียอดนิยม  เริ่มต้นด้วยการชุบสารฟอสเฟต ที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการเคลือบบนผิวเหล็กเป็นผลึกที่แข็งแรงสามารถช่วยปกป้องการเกิดอ๊อกไซด์บนผิวเหล็กแถมช่วยให้เนื้อสีเกาะตัวได้ดี จากนั้นนำไปอบไล่ความชื้นอีกรอบ ก่อนชุบเคลือบในบ่อสีด้วยกระแสไฟฟ้า เพื่อให้การป้องกันสนิมได้ทุกซอกทุกมุม สุดท้ายอบด้วยความร้อนอีกครั้ง ก่อนพ่นสีรองพื้นและสีจริงต่อไป
 
แต่สำหรับการพ่นสีใต้ท้องรถ เมื่อสีรองพื้นแห้งสนิทจะถูกพ่นด้วยสาร PVC เพื่อเป็นการป้องกันการกัดกร่อน และการกะเทาะหลุดล่อน จากการกระแทกของเศษหินหรือวัสดุต่าง ๆ  ซ้ำยังเป็นการช่วยลดเสียงรบกวนได้อีกด้วย  ทั้งนี้จากขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทุกเจ้ายืนยันว่าสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้โดยไม่จำเป็นต้องพ่นกันสนิมอีก ยกเว้นรถยนต์ที่ใช้ริมทะเลเป็นประจำ หรือรถที่เกิดอุบัติเหตุ จนต้องเคาะพ่นสีใหม่ จึงควรพ่นกันสนิม
 
เทคนิคควรรู้

แม้ว่าการพ่นกันสนิมจะมีข้อดีที่สามารถป้องกันสนิมได้ก็จริงอยู่ แต่น้ำยาพ่นกันสนิมส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ ปิโตรเคมี ในเกรด แอสฟัลท์ หรือยางมะตอย ซึ่งมีคุณสมบัติไม่พึงประสงค์ในการกัดและทำลายวัสดุที่เป็นยาง หรือมีส่วนผสมของยาง ดังนั้นหากผู้พ่นไม่ชำนาญหรือไม่ระวังอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับวัสดุที่เป็นยาง อาทิ ยางหุ้มเพลา บู๊ช ปีกนก และชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้
 
ต่างคนก็ต่างเหตุผลต่างความคิด ก็ลองชั่งใจกันดูครับว่า พ่นกันสนิม!!จำเป็นจริงหรือ?? คำตอบอยู่ที่คุณ…
โปรโมชั่นของคุณ ลวดหนามทนสนิม
ลวดหนามกันสนิม
ขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด

7
ปลูกกล้วยในพื้นที่ว่างเปล่าสร้างผลผลิตและรายได้


หลายคนมีพื้นที่ดินว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยวัชพืชนานาชนิดและไม่ได้จัดการอะไร ช่วงฤดูแล้งอย่างนี้หญ้าเริ่มเหี่ยวแห้ง มาจัดการพื้นที่รกร้างที่มีอยู่ แล้วมา ” ปลูกกล้วย ” กันดีกว่า
กล้วยเป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักกันมานาน เพราะทุกส่วนของกล้วยทั้งลำต้น ใบ ดอก ผล เหง้า และยังขยายพันธุ์ง่ายด้วยการแบ่งหน่อ หรือผ่าเหง้าไปปลูกต่อ จึงพบกล้วยขึ้นอยู่ทั่วไปในบ้านเรา และเป็นผลไม้ที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกันมากนัก ทั้ง ๆ ที่กล้วยมีประโยชน์มากมาย

ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ผลกล้วยน้ำว้ามีราคาสูงขึ้น เนื่องจากมีการปลูกลดลง อีกทั้งสภาพแห้งแล้ง ทำให้หลายคนหันกลับมาปลูกกล้วยเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่การปลูกอย่างไรให้ได้ผลผลิตดีๆ มาเรียนรู้กัน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ “สภาพพื้นที่และดินในบริเวณนั้น” แม้ว่ากล้วยจะเป็นพืชที่ทนทาน แต่การปลูกกล้วยให้ได้ผลผลิตที่ดี ดินปลูกควรมีอินทรีย์วัตถุและความชุ่มชื้นเพียงพอ “แสงแดด” เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง กล้วยชอบแสงแดดจัด หากพื้นที่ดีแต่แสงแดดน้อยมักไม่ออกเครือ หรือคุณภาพผลผลิตไม่ดีพอ

นอกจากนี้ “น้ำ” ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปลูกกล้วย แม้กว่ากล้วยเป็นพีชที่กักเก็บน้ำในลำต้นได้ดี แต่ถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอ ต้นจะเติบโตได้ไม่ดีนัก จึงควรติดตั้งระบบให้น้ำไว้บ้างเพื่อต้นกล้วยเติบโตอย่างสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ

โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม


ทีมา baanlaesuan.com

หน้า: [1]
Tage: ลงประกาศฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ลงประกาศขายที่ดินฟรี ลงประกาศขายคอนโดฟรี ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ลงประกาศฟรี ติด google