แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 12
1
เด็กควรจัดฟันเด็กตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การจัดฟัน เป็นการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการเรียงตัวของฟัน รวมไปถึงปัญหาฟันสบกันผิดปกติ ฟันซ้อนเก ทำให้มีอุปสรรคในการรับประทานอาหาร รวมไปถึงการเข้าสังคมและยังทำให้มีรอยยิ้มที่ไม่สวยงาม ซึ่งจะเป็นปัญหาในระยะยาวแต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ การจัดฟันเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนอกจากจะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก การจัดฟันยังช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าของผู้เข้ารับการจัดฟันให้เข้ารูปได้อีกด้วย

ดังนั้นการจัดฟันจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ ช่วยปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดีขึ้นได้การจัดฟันเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของฟัน ด้วยการใช้เครื่องมือทั้งภายนอกและภายในช่องปากเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างของฟันใหม่อย่างช้าๆ โดยปกติแล้วการเคลื่อนของตัวฟันจะมีอัตรา 1 มิลลิเมตรต่อ 1 เดือนนอกจากนี้หลายคนสงสัยว่าทำไมจะต้องเข้ารับการจัดฟันต้องบอกก่อนว่า เนื่องจากฟันของแต่ละคนมีขนาดรูปร่างและการเรียงตัวที่แตกต่างกัน โดยจะมีพันธุกรรมเป็นตัวกำหนด โดยบางครั้งฟันอาจเรียงตัวไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก เช่น สามารถทำความสะอาดฟันได้ลำบากและไม่มีประสิทธิภาพมี ปัญหาในเรื่องของการบดเคี้ยวอาหาร ซึ่งการจัดฟันจะเป็นตัวช่วยทำให้สุขภาพช่องปากและฟันดีขึ้น ช่วยในการบดเคี้ยวอาหารที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและยังลดอัตราเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือการเกิดโรคเหงือกอักเสบได้

และในปัจจุบันมีการพัฒนาในเรื่องของการจัดฟัน ให้มีการจัดฟันในเด็กซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นปกติที่พ่อแม่ผู้ปกครองอยากจะ ให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากที่ดี มีฟันสวยและสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ ซึ่งโดยปกติพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรจะพาเด็กเด็กหรือบุตรหลานไปพบทันตแพทย์ เพื่อทำการตรวจช่องปากเป็นประจำทุกปีเนื่องจากสุขภาพฟันของเด็กนั้นยังมีฟันน้ำนมอยู่ การสูญเสียฟันน้ำนมก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะจะมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ หากเด็กเด็กตรวจพบว่ามีการสบฟันที่มีความผิดปกติตั้งแต่ยังเด็กสามารถแก้ไขได้ด้วยการ จัดฟันเพื่อทำให้ป้องกันการเกิดปัญหาการขึ้นของฟันแท้นั่นเอง

วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ซึ่งประเด็นของวันนี้ก็คือ การจัดฟันในเด็กนั้น ควรทำตั้งแต่อายุเท่าไหร่ การจัดฟันแบบเบื้องต้นในเด็กนั้นอาจไม่ได้จำเป็นต่อเด็กทุกคน แต่จะเป็นการดีกว่า หากพ่อแม่ผู้ปกครองพาบุตรหลานไปตรวจกับทันตแพทย์ เพื่อเข้ารับการจัดฟันและสามารถทำได้ในช่วงอายุ7- 10 ปีและหากพบสัญญาณความผิดปกติ ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้แต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในขณะที่ฟันแท้กำลังขึ้นเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของการขึ้นของฟันแท้ได้

สำหรับการจัดฟันในเด็ก หลายคนสงสัยว่ามีประโยชน์อย่างไรและจัดฟันทั้งทั้งที่เด็กยังมีฟันน้ำนมอยู่นั้นสามารถทำได้ ด้วยหรือ ต้องบอกก่อนว่าการจัดฟันนั้นไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและฟันและความสวยงามของการเรียงตัวของฟัน นอกเหนือจากเรื่องของรอยยิ้มที่จะทำให้มีความสวยงามมีความมั่นใจแล้วการจัดฟันยังจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง เช่น เมื่อมีฟันที่เรียงตัวกันสวยงาม เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างเต็มที่ เรื่องของความสะอาดภายในช่องปาก ถือเป็นเรื่องสุขอนามัยเบื้องต้นที่จะเด็กจะต้องปฏิบัติ นอกจากนั้นทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟัน อาจมีส่วนช่วยหาทางบำบัดพฤติกรรมเด็กที่ติดการดูดนิ้ว ซึ่งสร้างผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคตได้ ทั้งยังมีปัญหาในเรื่องของการออกเสียง การหายใจและการเคี้ยวอาหารนั่นเอง

อย่างไรก็ตามหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดมีความสนใจและต้องการที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถขอรับคำแนะนำได้จากทางคลินิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ด้วยการการันตีถึงประสบการณ์อันยาวนานมากกว่า 10 ปี จะทำให้มั่นใจว่าบุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทางคลินิกยังมีบริการทางด้านทันตกรรมอย่างครบวงจรหากพ่อแม่ผู้ปกครองมีความสนใจที่จะเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันก็สามารถขอเข้ารับคำแนะนำได้

2
การใส่สายอาหารทางหน้าท้อง เพื่อให้ อาหารสายยาง

การให้อาหารทางสายยาง ถือเป็นการรักษาโรคอย่างหนึ่งของผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ จึงต้องมีความจำเป็นที่จะต้องให้ อาหารสุขภาพ ทางสายยางให้อาหาร เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารและพลังงานที่เพียงพอต่อร่างกาย ป้องกันการเกิดภาวะขาดสารอาหารและช่วยรักษาสมดุลของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ การใส่สายอาหารทางหน้าท้องโดยใช้กล้องส่องกระเพาะอาหาร คือการใส่สายยางให้อาหารทางหน้าท้อง โดยใช้กล้องส่องกระเพาะอาหารช่วยนำสายยางให้อาหารเจาะผ่านออกมาทางหน้าท้อง

วิธีนี้จะง่าย สะดวก รวดเร็วและผู้ป่วยไม่ต้องเสี่ยงต่อการผ่าตัดใหญ่ ขนาดแผลหน้าท้องจะยาวเพียง 0.5 เซนติเมตร และอาจจะทำให้เกิดแผลเป็นบริเวณหน้าท้อง ซึ่งการให้อาหารทางสายยางมีอยู่ 2 แบบ ที่มักเห็นได้ทั่วไปก็คือ การให้อาหารทางสายยางผ่านทางรูจมูกและการให้อาหารทางสายยางที่ให้ผ่านหน้าท้อง ซึ่งการให้อาหารโดยใส่สายยางให้อาหารทางหน้าท้องนั้น เป็นวิธีที่ง่ายต่อการให้อาหารมากกว่าการใส่สายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาหารเจ็บและอาจะอาเจียนได้ เนื่องจากต้องใส่สายยางเข้าไปทางจมูก ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดการระคายเคืองและทรมานมาก เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว หรือ มีปัญหาในการกลืน หรือ รับประทานอาหารเองไม่ได้ สามารถใช้วิธีนี้ได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการสำลักอาหารเข้าปอด ผู้ป่วยที่ดึงสายให้อาหารทางจมูกบ่อยครั้ง

สำหรับการเตรียมตัวเพื่อใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง ผู้ป่วยจะต้องงดอาหารและน้ำดื่มก่อนทำประมาณ 6 -8 ชั่วโมง งดยาละลายลิ่มเลือด เช่น Plavix Coumadin หรือ Aspirin เป็นเวลา 7 วันก่อนทำการใส่สายหน้าท้อง เพื่อให้สะดวกแก่การให้อาหารทา
สายยางให้อาหารทางหน้าท้อง โดยมีขั้นตอนการทำ ผู้ป่วยจะได้รับยาชาโดยการอมและพ่นในคอ หรือ ให้ยาสลบทางหลอดเลือดดำ หรือ การดมยาสลบแล้วแต่กรณี แพทย์ผู้ทำการรักษาจะใส่กล้องส่องกระเพาะอาหารเข้าไปในปากผ่านหลอดอาหารสู่กระเพาะอาหาร และฉีดยาชาที่หน้าท้องเพื่อเจาะใส่สายให้อาหารซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 – 45 นาที ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องงดอาหารประมาณ 1 – 3 วันเมื่อแผลเจาะกระเพาะอาหารสมานดี แพทย์จะเริ่มให้อาหารทางหน้าท้อง

ซึ่งถือว่าการให้อาหารทางสายยางบริเวณหน้าท้องจะมีวิธีที่ยุ่งยาก ซับซ้อนเพียงขั้นตอนแรก ซึ่งเรื่องของความสะอาดจะต้องคำนึงเป็นอันดับแรก เพราะแผลที่แพทย์ได้ทำการเจาะอาจจะเกิดการติดเชื้อ จึงต้องดูแลรักษาแผลอย่างถูกต้องและสะอาดมากที่สุด หลังจากนั้นในระยะ 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง ควรทำความสะอาดแผลรูเปิดและใต้แป้นสายสวน โดยวิธีปราศจากเชื้อ โดยใช้น้ำยาเบตาดีน หรือ 70% แอลกอฮอล์ และปิดผ้าก๊อซปราศจากเชื้อ วันละ 2 ครั้ง (เช้า – เย็น) และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือพยาบาลอย่างเคร่งครัด เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อ ต่อมาเมื่อแผลแห้งดีแล้ว ให้ใช้น้ำเกลือล้างแผล หรือ น้ำต้มสุก ทำความสะอาดแผลและใต้แป้นสายสวนให้สะอาด เช็ดให้แห้ง และปิดผ้าก๊อซไว้

ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ (ยกเว้นมีข้อห้ามจากแพทย์) และทำความสะอาดแผลตามปกติ (ถ้าขอบแผลอักเสบยังไม่ควรอาบน้ำ) การดูแลสายยางให้อาหารถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ควรทำความสะอาดสายให้อาหารด้านนอกและข้อต่อด้วยสบู่และน้ำสะอาด ส่วนสายสวนชนิดระดับผิวหนังใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ด ไม่ควรหักหรือพับงอสายให้อาหารนานเกินไป อาจทำให้สายแตกหักหรือพับงอ ทำให้เกิดการอุดตันได้ กรณีที่ผู้ป่วยใช้สายให้อาหารทางหน้าท้องชนิดลูกโป่ง ควรหมั่นตรวจสอบว่าตำแหน่งของสายที่ระดับผิวหนังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง

เนื่องจากสายอาจเลื่อนเข้าไปในกระเพาะมากเกินไป ต้องดูแลให้ระดับบ่าท่อที่อยู่ทางหน้าท้องอยู่ที่ขีด 6 เซนติเมตร และควรหมุนตัวสายทุก 2 – 3 วัน เพื่อป้องกันการฝังตัวของหัวเปิดในช่องกระเพาะอาหาร ไม่ควรใช้อาหารที่มีความร้อนเพราะจะทำให้อายุการใช้งานน้อยลง ซึ่งปกติจะใช้ได้นาน 6 – 8 เดือน ทั้งนี้ควรเปลี่ยนสายทุก 6 เดือน หรือเมื่อมีสายบวม หมดสภาพ ต้องทำความสะอาด ปาก ลิ้น และฟัน ของผู้ป่วยทุกวันถึงแม้จะไม่ได้ให้อาหารทางปาก ถ้าผู้ป่วยสามารถบ้วนปากได้ควรให้บ้วนปากบ่อยๆ เพื่อป้องกันมิให้ปากแห้งและป้องกันการติดเชื้อด้วย

3
ข้อมูลโรคภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ (Primary hyperhidrosis)

ภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ หมายถึง ภาวะเหงื่อออกมากที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน* ผู้ป่วยจะมีอาการเหงื่อออกที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า แม้อยู่เฉย ๆ หรือในที่อากาศเย็น ซึ่งมักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังมาตั้งแต่อายุน้อย

ภาวะนี้พบมากในวัยรุ่นและคนอายุน้อยกว่า 25 ปี และมักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย

*คนทั่วไปมักมีเหงื่อออกมากตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เมื่ออยู่ในที่อากาศร้อน หลังการออกกำลังกายหรือใช้แรงมาก กินอาหารเผ็ดร้อน มีความเครียด ตื่นเต้น ตกใจ มีไข้สูง เป็นโรคหรือภาวะบางอย่าง (เช่น มีภาวะช็อก ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน วัณโรค มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เบาหวาน โรคพาร์กินสัน โรคของหญิงวัยหมดประจำเดือน ภาวะตั้งครรภ์ ภาวะอ้วน) การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น เรียกว่า ภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ (secondary generalized hyperhidrosis)
ส่วนภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ (primary hyperhidrosis/primary focal hyperhidrosis) มักมีเหงื่อออกเฉพาะที่ ส่วนใหญ่พบที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ แต่ก็อาจพบที่บริเวณใบหน้า หนังศีรษะ

สาเหตุ

เกิดจากเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อถูกกระตุ้นมากเกินไป ส่งผลให้ต่อมเหงื่อหลั่งเหงื่อออกมามากผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากพันธุกรรมผิดปกติที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่

อาการ

มีอาการเหงื่อออกมากโดยไม่มีสาเหตุ แม้แต่อยู่เฉย ๆ (ไม่ได้ทำอะไร) จิตใจสบาย (ไม่มีความเครียด ตกใจ กลัว หรือกังวล) หรืออยู่ในที่อากาศเย็น ก็มีอาการขึ้นมาได้ ซึ่งมักเป็นช่วงกลางวันในเวลาใดก็ได้ จะไม่มีอาการขณะนอนหลับ อาการจะเกิดขึ้นเป็นบางวัน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อาการมักจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเหงื่อออกที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า หนังศีรษะ พร้อมกัน 2-3 บริเวณ โดยมีเหงื่อออกเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย เช่น ฝ่ามือ 2 ข้างกับฝ่าเท้า 2 ข้าง, ฝ่ามือ 2 ข้าง รักแร้ 2 ข้าง และฝ่าเท้า 2 ข้าง เป็นต้น ส่วนน้อยอาจมีเหงื่อออกมากเพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่ง เช่น ฝ่ามือ 2 ข้าง, ฝ่าเท้า 2 ข้าง, รักแร้ 2 ข้าง เป็นต้น

ผู้ป่วยอาจมีเหงื่อออกมากจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเขียนหนังสือ การทำงาน การขับรถ การหยิบจับของ หนังสือ เอกสาร หรือเครื่องดนตรี การจับมือทักทาย การไม่กล้าเข้าใกล้ผู้อื่นเพราะมีกลิ่นตัว การเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือถุงเท้าที่ชุ่มเหงื่อบ่อยกว่าปกติ เป็นต้น

อาการเหงื่อออกของผู้ป่วยอาจเป็นมากขึ้นจากการออกกำลังกาย ความเครียด หรือความวิตกกังวล

ภาวะแทรกซ้อน

อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อาทิ

    ผิวหนังบริเวณที่มีเหงื่อหมักหมมมีการติดเชื้อรา (เช่น โรคเชื้อราที่เท้าหรือฮ่องกงฟุต) ไวรัส (เช่น โรคหูด) หรือแบคทีเรีย (เช่น ฝี พุพอง)
    มีกลิ่นตัวที่เกิดจากเหงื่อปะปนกับสารที่แบคทีเรียสร้างขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งมักพบที่บริเวณรักแร้และเท้า
    ส่งผลต่อจิตใจและการเข้าสังคม เช่น รู้สึกอับอาย ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง กระทบต่อการมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือหลีกหนีสังคม กระทบต่อหน้าที่การงานหรือการเรียน บางรายอาจเกิดภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้า

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งจะตรวจพบว่ามีเหงื่อชุ่มหรือออกเป็นหยดบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า และ/หรือหนังศีรษะ

ในรายที่วินิจฉัยไม่ได้แน่ชัด หรือสงสัยเป็นภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม (ตรวจเลือด ปัสสาวะ หรืออื่น ๆ) เพื่อหาสาเหตุ เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เบาหวาน เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

1. ในรายที่มีอาการไม่มาก ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงโรคนี้ และแนะนำวิธีให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลตนเอง

2. ในรายที่มีอาการมาก มีผลกระทบต่อจิตใจหรือการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาหรือวิธีต่าง ๆ โดยเลือกใช้ตามความเหมาะสมของผู้ป่วย ดังนี้

    การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (antiperspirants) ซึ่งมีส่วนผสมของสารอะลูมิเนียมคลอไรด์ ทาบริเวณที่มีเหงื่อออกมากตอนก่อนนอน และล้างออกตอนเช้า ควรระวังอย่าให้เข้าตา และอาจระคายเคืองผิวหนังได้ ยานี้จะได้ผลหลังใช้นาน 2-4 สัปดาห์ หลังหยุดยาอาการมักกลับมากำเริบใหม่ได้อีก
    การใช้ยากลุ่มแอนติโคลิเนอร์จิก (anticholinergic) ซึ่งมีฤทธิ์ระงับการทำงานของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง มียาทั้งชนิดทา (เช่น glycopyrrolate bromide) และชนิดกิน (เช่น propantheline bromide) สำหรับชนิดกิน อาจมีผลข้างเคียง (เช่น ปากแห้ง ตาพร่ามัว ปัสสาวะลำบาก ท้องผูก)
    การใช้ยาต้านซึมเศร้า ช่วยลดอาการเหงื่อออก และช่วยลดความวิตกกังวล (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้มีเหงื่อออกมากขึ้น)
    การฉีดโบท็อกซ์หรือสารโบทูลินัม (Botox หรือ botulinum toxin) ระงับการทำงานของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง ซึ่งมักจะต้องฉีดซ้ำประมาณทุก 6 เดือน ยานี้อาจมีผลข้างเคียง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดยาอ่อนแรงชั่วคราว
    สำหรับผู้ป่วยที่ให้การรักษาดังกล่าวไม่ได้ผล แพทย์จะทำการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การรักษาด้วยวิธีไอออนโทฟอเรซิส (Iontophoresis โดยการใช้กระแสไฟฟ้าพลังงานต่ำช่วยส่งผ่านน้ำหรือยาเข้าสู่ผิวหนังบริเวณต่อมเหงื่อที่มีอาการ ทำให้ต่อมเหงื่อทำงานลดลง อาจต้องให้การรักษาซ้ำทุก 1 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกลับมาอีก), การรักษาด้วยคลื่นไมโครเวฟ (microwave therapy เพื่อทำลายต่อมเหงื่อที่บริเวณรักแร้), การขจัดเอาต่อมเหงื่อออกไป (sweat gland removal) โดยการใช้เครื่องมือแพทย์ทำการขูด (curettage) หรือดูด (liposuction) เอาต่อมเหงื่อที่ผิดปกติออกไป วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ที่ผิดปกติ, การตัดเส้นประสาทไขสันหลังที่ควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อ (endoscopic thoracic sympathectomy/ETS) ซึ่งได้ผลดีในการรักษาภาวะเหงื่อออกมากที่มือและรักแร้ แต่อาจมีผลข้างเคียง คือมีเหงื่อออกมากในบริเวณอื่น (เช่น หลัง ท้อง ต้นขา ปลายขา) แทน เรียกว่า “ภาวะเหงื่อออกทดแทน (compensatory sweating)”

ผลการรักษา การรักษาด้วยยาและวิธีต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นการช่วยลดอาการเพียงชั่วคราว เมื่อหยุดยาหรือเว้นการรักษา ก็มักจะมีอาการกำเริบได้ใหม่ ต้องติดตามดูแลรักษาเป็นระยะ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ลดภาวะแทรกซ้อนทางร่างกายและจิตใจ ในรายที่การรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ได้ผล แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือวิธีทำลายหรือขจัดต่อมเหงื่อ ซึ่งมักได้ผลดี แต่อาจมีผลแทรกซ้อนตามมาได้ (เช่นเลือดออก แผลติดเชื้อ แผลเป็น ภาวะเหงื่อออกทดแทน)

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการเหงื่อออกมากที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รักแร้ ใบหน้า และ/หรือศีรษะ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรดูแลรักษาและติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ และปฏิบัติตัว ดังนี้

    ใช้ยา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (antiperspirants), ยาดับกลิ่น (deodorant) ตามที่แพทย์แนะนำ 
    อาบน้ำและฟอกสบู่ให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และเมื่อมีเหงื่อออกมาก เช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณรักแร้และเท้า
    สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม และระบายเหงื่อได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย 100%
    มีเสื้อผ้าและถุงเท้าสำรองติดตัว ไว้เปลี่ยนเวลามีเหงื่อออกมาก
    หมั่นรักษารองเท้าให้แห้งและสะอาด หรือใส่รองเท้าหัวเปิด และถอดรองเท้าบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส เพื่อไม่ให้เท้ามีเหงื่อหมักหมม

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด เมื่อเหงื่อออกมากขึ้น มีเหงื่อออกมากผิดปกติตอนกลางคืน สงสัยว่าอาจเป็นภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ หรือมีความวิตกกังวล

การป้องกัน

โรคนี้ยังไม่มีวิธีป้องกัน เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม

การรักษาและปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองอย่างจริงจัง จะช่วยให้เหงื่อออกน้อยลง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยควรศึกษาให้เข้าใจถึงธรรมชาติของโรคนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม และแม้ว่าโรคนี้ไม่สามารถหาทางป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงใด ๆ การเรียนรู้จะช่วยให้สามารถยอมรับที่จะอยู่กับโรคนี้ รู้จักดูแลรักษาตนเองให้อาการน้อยลง และสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้

2. โรคนี้พบมากในวัยรุ่นและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี หากพบในคนอายุมากหรือมีโรคประจำตัว มักเป็นภาวะเหงื่อออกมากชนิดทุติยภูมิ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเหงื่อออกมากอย่างผิดปกติไม่ว่าเกิดขึ้นในวัยใด ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด และให้การรักษาที่ถูกต้อง

 

4
บ้านติดรถไฟฟ้า เฮ้าส์ 24 คูคตสเตชั่น (Haus 24 Khukhot Station)
เริ่มต้น 4.29 ลบ.

เฮ้าส์ 24 คูคตสเตชั่น (Haus 24 Khukhot Station)
ฮ้าส์ 24 คูคต สเตชั่น เติมเต็มคำว่า บ้าน 24 ชม. ติดถนนเลียบคลอง 3 ใกล้ BTS สายสีเขียว สถานีคูคต, รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีหลักหก

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ             เฮ้าส์ 24 คูคตสเตชั่น (Haus 24 Khukhot Station)
 เจ้าของโครงการ        ลุมพินี-LPN ดีเวลลอปเมนท์
 แบรนด์ย่อย              เฮ้าส์ 24
 ราคา                     เริ่มต้น 4.29 ลบ.

ประเภทบ้าน           บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด
 ลักษณะทำเล          บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ         23 ไร่
 จำนวนบ้าน            127 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด      2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน            ตั้งแต่ 35.1 ถึง 50 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย          ตั้งแต่ 162 ถึง 191 ตร.ม.
 จำนวนชั้น            2 ชั้น
 หน้ากว้าง              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน       ตั้งแต่ 2 ถึง 3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ       2 คัน
 สาธารณูปโภค           สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สนามเด็กเล่น

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน    ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง      ถนนเลียบคลองสาม ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130

ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(หมอชิต - คูคต)(คูคต)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม, สถานี(บางซื่อ - รังสิต)(หลักหก)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนเลียบคลองสาม ถนนลำลูกกา ถนนรังสิต - นครนายก)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง

ห้างสรรพสินค้า
Lotus’s ลำลูกกา คลอง 2
Big C ลำลูกกา คลอง 4
Big C สายไหม
Tops สายไหม
Zeer รังสิต
Future Park รังสิต
Max Valu
Lotus’s รังสิต-นครนายก
Market Village รังสิต

สถานศึกษา
รร.ฤทธิยะวรรณาลัย 2
ม.นอร์ทกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต
รร.ฤทธิยะวรรณาลัย
ม.เวสเทิร์น วิทยาเขตวัชรพล

สถานพยาบาล
รพ.สินแพทย์ ลำลูกกา
รพ.ซีจีเอช สายไหม
รพ.บีแคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ กม.
รพ.แพทย์รังสิต
รพ.บางปะกอก-รังสิต 2
รพ.ภูมิพลอดุลยเดชฯ

ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

5
เที่ยววัดอรุณธรรมสถาน สักการะพระธาตุชัยภูมิ วิวงาม น่าเที่ยว

วัดอรุณธรรมสถาน อีกหนึ่งวัดสวยที่ไม่ควรพลาดของจังหวัดชัยภูมิ ตั้งอยู่บนยอดเขาช่องลม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2550 มีพื้นที่ทั้งหมด 60 ไร่ โดยมีพระธรรมสิริชัย เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามรูปที่ 13 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น เงียบสงบ ปลอดโปร่ง จึงทำให้มีพุทธศาสนิกชนมากมายต่างมาทำบุญ และปฏิบัติธรรมกันที่นี่

นอกจากจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบแล้ว ภายในวัดยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยเฉพาะ พระมหาธาตุรัชมงคลเจดีย์สิริชัยภูมิ หรือ พระธาตุชัยภูมิ ซึ่งเป็นพุทธสถานสำคัญ องค์พระธาตุมีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างล้านช้างกับล้านนา องค์สีขาวสูง 21 เมตร มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 4 ทิศ ส่วนยอดองค์พระเจดีย์ก็หุ้มด้วยแผ่นทองจังโก และปิดด้วยทองคำเปลวตามแบบล้านนางามสง่าโดดเด่นอยู่ตรงกลางวัด

ภายในวัดยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่ทำให้เราได้ชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ได้ตลอดทาง ตั้งแต่บันไดนาคที่ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นสุดวิจิตรบรรจง ตลอดไปจนถึงศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ เพื่อให้เราได้เข้าไปกราบไหว้ นอกจากนี้แต่ละจุดในวัดยังมีการตกแต่งด้วยงานหัตถกรรมพื้นบ้านของภาคอีสาน รวมถึงจุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวบ้านเมืองในจังหวัดชัยภูมิ และขุนเขาได้อย่างชัดเจน นับเป็นวัดสวยที่มีบรรยากาศดีไม่น้อยเลยทีเดียว

6
การจัดฟันเด็ก ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง

การเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน นอกจาก จะช่วยทำให้เสริมสร้างบุคลิกภาพแล้ว ยังทำให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดฟันยังช่วยทำให้เราใช้งานฟันของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีการสบฟันที่ดีขึ้นและบดเคี้ยวอาหารได้ดีกว่าเดิม แต่ในทางกลับกันการเข้ารับการจัดฟันก็มีอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรับประทานอาหาร

สำหรับผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแล้วการรับประทานอาหารจะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ จะต้องเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม เนื่องจากเรามีเครื่องมือการจัดฟันติดอยู่ภายในช่องปาก ทำให้เราต้องคำนึงถึงเครื่องมือการจัดฟันด้วย เพราะถ้าหากรับประทานอาหารที่มีความแข็งและเหนียวมากจนเกินไป อาจจะส่งผลให้เครื่องมือจัดฟันหลุดขณะเรารับประทานอาหารได้ นี่ถือเป็นข้อจำกัดที่ผู้เข้ารับการจัดฟันทุกคนจะต้องเจอและถือว่าเป็นอุปสรรคสำหรับใครหลายหลายคน ซึ่งแน่นอนว่าการจัดฟันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างเห็นได้ชัด

พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนที่มีบุตรหลานที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟันและกังวลว่า ถ้าหากบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่

ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าในวัยเด็กนั้น เป็นวัยของการเจริญเติบโตเป็น วัยแห่งการเรียนรู้ แน่นอนว่าเด็กๆอาจจะใช้เวลาไปกับการเล่นไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมต่างๆ ในข้อนี้เด็กก็ต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเรามีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะฉะนั้น แล้วการจัดฟันส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเราปรับตัวได้ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะทำให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีแล้วก็จะช่วยให้บุตรหลานของท่านมีพัฒนาการเกี่ยวกับการเรียนรู้ได้ไม่จำกัด

สำหรับในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ การรับประทานอาหาร การทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเรื่องของบุคลิกภาพ การที่เด็กมีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก อาจจะส่งผลทำให้ออกเสียงไม่ชัด พูดไม่ชัด ทำให้เด็กเสียบุคลิกภาพได้ แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปและเด็กปรับตัวเข้ากับเครื่องมือการจัดฟันได้ดี

แน่นอนว่า ปัญหานี้ก็จะหมดไปอย่างแน่นอน ต่อมาในเรื่องของการรับประทานอาหาร ซึ่งผู้เข้ารับการจัดฟันหลายคนคงเคยพบเจอกับปัญหาดังกล่าว เพราะการที่เรารับประทานอาหารเข้าไป เศษอาหารมักจะติดอยู่ในซอกเหล็ก ซึ่งเมื่อเรารับประทานอาหารเสร็จแล้ว ควรบ้วนปากเพื่อทำความสะอาด หรือควรที่จะตรวจสอบความเรียบร้อยทุกครั้ง เพราะถ้าหากเศษอาหารติดอยู่ที่ซอกเหล็กแน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ และที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ เราควรจะเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อน นุ่ม เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเครื่องมือการจัดฟันหลุดขณะรับประทานอาหาร

นอกจากนี้ ในการจัดฟันในเด็กนั้น จะต้อระมัดระวังในเรื่องของการร่วมกิจกรรมต่างๆที่เสี่ยงต่อการเกิดการปะทะ เช่น การเล่นกีฬา เป็นต้น เพราะอาจจะทำให้เด็กเกิดอันตรายได้ ทั้งหมดนี้คือ ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประวัน ของเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งถือว่าเป็นผลกระทบที่สามารถแก้ไขได้ หาก เด็กปรับตัวและระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก ซึ่งจะแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาด และวิธีการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากที่สุด ทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีรอยยิ้มที่น่ารัก สดใสสมวัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

7
งานมอเตอร์โชว์: ก้าวสำคัญของ OMODA สู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลก

ปี 2023 ถือเป็นปีที่สำคัญของ OMODA เริ่มจากการเปิดตัวรถยนต์ OMODA E5 ในเดือนเมษายน อย่างยิ่งใหญ่ระดับโลก ต่อด้วยงานโชว์เคสในเดือนตุลาคม และปิดท้ายปีด้วยรางวัลและกระแสตอบรับที่ดีจากทั่วโลก รวมทั้ง โครงการใหม่ทางด้านพลังงานของ OMODA ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์รุ่นแรก E5 ที่มาช่วยเสริมทัพไลน์อัปโปรดักต์ต่าง ๆ ของบริษัทให้แตกต่างและหลากหลายมากขึ้น เติมเต็มระบบนิเวศของผู้ขับขี่ให้เป็น มากกว่ายานยนต์ และก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

 ด้วยกลยุทธ์ของ OMODA ทำให้แบรนด์ก้าวสู่การเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดยานยนต์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา OMODA ได้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ด้วยยอดส่งออกรถยนต์มากกว่า 147,000 คัน ซึ่งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น OMODA มียอดส่งออกรถยนต์สูงถึง 13,677 คัน เติบโต 12.6% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในฐานะผู้เล่นที่โดดเด่นในกลุ่มเซกเมนต์ SUV ครอสโอเวอร์

โปรดักต์ใหม่ของ OMODA ได้รับความสนใจและสร้างผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง มาจากความมุ่งมั่นเพื่อเข้าสู่ตลาดโลกของ OMODA
OMODA เปิดตัวรถยนต์ OMODA E5 ในปีที่ผ่านมา เพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้ขับขี่รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางของพลังงานไฟฟ้าของ OMODA พร้อมทั้งได้เปิดตัว OMODA C5 ที่เข้ามาบุกตลาดรถยนต์ SUV ครอสโอเวอร์ระดับโลก ทำให้ OMODA กลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการตีตลาดรถยนต์ที่มีศักยภาพสูง 15 แห่ง ทั้งยุโรปตะวันออก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

OMODA E5 ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในงานเปิดตัวแบรนด์ระดับโลกเมื่อเดือนเมษายน 2023 ซึ่งได้นำเทคโนโลยีพลังงานใหม่มาผสมผสาน เพื่อส่งเสริมการลดคาร์บอนและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการแนะนำรถยนต์ OMODA E5 แก่สื่อมวลชนและผู้ใช้ทั่วโลก OMODA ได้จัดกิจกรรมทดสอบการขับขี่ในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ เนปาล รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย

 ไม่เพียงเท่านี้ปี 2023 ยังเป็นปีที่ OMODA มีผลงานที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับมากมาย เริ่มต้นที่  2023 China Initial Quality StudySM (IQS) รายงานประจำปีจาก J.D. Power สถาบันที่ปรึกษาและการวิจัยชั้นนำของโลก ได้ยกย่อง OMODA ว่าเป็นผู้ผลิตที่มีคุณภาพอันดับต้น ๆ ส่วนงาน GAIKINDO Indonesia International Auto Show 2023 จัดให้รถยนต์ของ OMODA เป็น Best Test-Drive SUV รวมไปถึง รางวัลจากประเทศมาเลเซียอีกมากมาย อาทิ รางวัล Best Mid-Size Crossover/SUV จาก Star Media Group รางวัลสาขา Best 5-seater SUV ซึ่งคัดเลือกโดยบรรณาธิการ จากงานประกาศรางวัล Carlist x Wapcar COTY 2023 Awards และรางวัล Outstanding Warrant จากงานประกาศรางวัล Malaysia Car of the Year Awards ครั้งที่ 19 อีกด้วย

 การเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้งาน รวมถึงการสนับสนุนจากสื่อมวลชนและภาคอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ OMODA เป็นที่รู้จัก ซึ่งไม่เป็นเพียงแค่ข้อยืนยันถึงคุณภาพสินค้าของ OMODA เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแรงใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความทุ่มเทของแบรนด์ในการเจาะตลาดโลก โดยในอนาคต OMODA จะยังคงสานต่องานพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งการเรียนรู้ ความปลอดภัย พลังงาน และงานบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก และเป็นแรงผลักดันให้ OMODA เติบโตอย่างมั่นคงในตลาดยานยนต์ของโลก

 ยึดมั่นในหลักการ “ผู้ขับขี่ต้องมาก่อน” และผลักดันระบบนิเวศที่เป็น “มากกว่ายานยนต์”
OMODA เข้าใจดีว่าในสภาพแวดล้อมของตลาดที่มีการแข่งขันสูง การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและมีนวัตกรรมที่ทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญ แต่การดูแลความสัมพันธ์กับผู้ขับขี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น OMODA จึงมีแนวคิดหลักเกี่ยวกับการคำนึงถึงผู้ขับขี่หรือผู้ใช้งานเป็นอย่างแรก จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศที่ดีให้กับผู้ใช้ ที่จะช่วยให้พวกเขาได้ก้าวออกนอกกรอบ และออกสำรวจความเป็นไปได้อื่น ๆ อีกมากมาย

 ในงาน Global User Ecosystem Co-creation Conference เมื่อเดือนตุลาคม ผู้ใช้รถยนต์ OMODA จาก 30 กว่าประเทศทั่วโลก ได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างประสบการณ์กับแบรนด์ โดยในงานเล่าเรื่องราวความสำเร็จของ OMODA และความพร้อมเชื่อมโยงผู้ขับขี่ทั่วโลกในการสร้างสรรค์และแชร์ประสบการณ์การขับขี่ร่วมกัน เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศที่เป็น มากกว่ารถยนต์ พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ LOHAS หรือ Lifestyle of Health and Sustainability ของผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างสมดุลระหว่างคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

 ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา OMODA รถยนต์ครอสโอเวอร์ที่มีรูปลักษณ์นำแฟชั่น ได้ปล่อยแคมเปญ Refitting Competition ที่รวบรวมศิลปินนักสร้างสรรค์มาออกไอเดียตกแต่ง OMODA ในแบบของตัวเอง พร้อมนำเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใครและเผยศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดให้ผู้ขับขี่อื่น ๆ ได้เห็นไอเดียนอกกรอบใหม่ ๆ ของ OMODA C5 และเสน่ห์อันน่าหลงไหลของวงการรถยนต์

 นอกเหนือไปจากการมีระบบนิเวศ LOHAS และไลฟ์สไตล์การขับขี่ครอสโอเวอร์แล้ว­ OMODA ยังร่วมมือกับผู้ขับขี่เพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมอีก โดยเข้าไปมีส่วนร่วมกับองค์กรการกุศลที่หลากหลายในระดับโลก ผ่านกิจกรรม New Journey New Life - Embracing Green Living ปั่นจักรยานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ OMODA ได้ผนึกกำลังกับผู้ขับขี่หลายพันรายทั่วโลก สนับสนุนการเดินทางแบบคาร์บอนต่ำและเป็นผู้นำด้านการมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ผ่านความร่วมมือกับ Arturo Allende Islands ผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมจากเม็กซิโก ที่ได้ริเริ่มโครงการการกุศลหลายด้าน อาทิ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การดูแลกลุ่มเปราะบาง และการคุ้มครองสัตว์

 การเติบโตของแบรนด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ขับขี่ที่สร้างสรรค์และส่งเสริมสังคม และยังดึงดูดให้ผู้คนที่สนใจการขับขี่แบบเดียวกันเข้ามาใช้งาน เมื่อรวมกับผู้ขับขี่รถยนต์ OMODA ที่มีอยู่ จึงกลายเป็นชุมชนผู้ขับขี่ OMODA ที่ใหญ่ขึ้น ตอบโจทย์อนาคตของแบรนด์ที่เป็น มากกว่ายานยนต์

 OMODA ถือกำเนิดขึ้นในฐานะแบรนด์รถยนต์ระดับโลก ที่มุ่งมั่นทะยานสู่การเป็นผู้นำตลาดรถครอสโอเวอร์ในเวทีโลก มุ่งหน้าพัฒนาแบรนด์ที่สะท้อนความต้องการของผู้ขับขี่ในภูมิภาคต่าง ๆ  รวมไปถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา OMODA E5 ได้รับการตอบรับจากผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐในหลายประเทศ ท่ามกลางโลกที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน OMODA ได้มีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในประเทศต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลของแต่ละพื้นที่ไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนท้องถิ่น จากความมุ่งมั่นนี้ ทำให้แบรนด์ OMODA สามารถแข่งขันในตลาดรถยนต์ระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยส่งเสริมตลาดรถยนต์ต่างประเทศให้มีกลยุทธ์ที่เฉพาะเพื่อเข้าถึงตลาดท้องถิ่นอีกด้วย

 ในปีที่ผ่านมา OMODA ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในตลาดโลก จากความพยายามที่ไม่หยุดนิ่งและการมีกลยุทธ์ที่มีศักยภาพ สำหรับปี 2024 นี้ OMODA จะเสริมทัพไลน์อัปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมระบบนิเวศของแบรนด์ร่วมกับผู้ขับขี่ทั่วโลก ผ่านมุมมอง เรื่องราว และการมีส่วนร่วมจากทุกคนในการพัฒนาคุณภาพ OMODA ให้เป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ระดับโลก

8
แนะนำการลดน้ำหนักแบบ IF อย่างไรให้ได้ผล พร้อมเผยเคล็ดลับชั้นดี

ความอ้วน รวมทั้งไขมันรอบท้อง คือปัญหาคาใจที่ผู้คนจำนวนมากยอมยอมแพ้รวมทั้งพ่ายมาหลายครา จนถึงยอมกลับไปสร้างท้องรวมทั้งอ้วนถัดไป รู้หรือเปล่าว่าการมีไขมันรอบท้องมีความเกี่ยวข้องกับสภาวะดื้อรั้นอินซูลิน ซึ่งก็คือ ฮอร์โมนอินซูลินไม่อาจจะนำน้ำตาลเข้าไปยังเซลล์เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงาน นำไปสู่สภาวะเสี่ยงเบาหวาน จากข้อมูลพบว่าขนาดรอบเอวที่มากขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตรจะเพิ่มช่องทางกำเนิดเบาหวาน 3-5 เท่า ไขมันรอบท้อง โดยชอบมีต้นเหตุมาจาก 5 ปัจจัยหลักเป็น

ความอ้วนและไขมันรอบพุง

1.ทานแป้งหรือน้ำตาลเกิน ซึ่งเป็นต้นเหตุมากมายสุดของการทำลายระบบสลายไขมัน ก่อให้เกิดไขมันสะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ท้อง

2.ไม่บริหารร่างกายจะก่อให้ระบบการเผาต่ำแล้วก็ร่างกายมีกล้ามน้อยก็เลยสะสมไขมันได้ง่าย

3.แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์จะให้พลังงานสูงและก็ทำให้ตับทำงานมาก ทำลายระบบการเผาไขมัน ก็เลยทำให้ผู้ที่ดื่มเบียร์สดเสมอๆจะมีท้องใหญ่

4.ความเคร่งเครียด ความเคร่งเครียดมากมายๆจะก่อให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ทำให้ร่างกายลดการเผาไหม้ ผู้ที่รูปร่างซูบผอมแม้กระนั้นมีท้องโดยมากมีต้นเหตุมาจากมูลเหตุนี้

5.นอนพักน้อยเกินไปมีผลต่อการทำงานทุกระบบของร่างกายรวมทั้งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับระบบการเผาไหม้

การกินเป็นช่วงๆเวลาแล้วก็งดเว้นทานในเวลาที่เหลือ ซึ่งได้รับการยินยอมรับว่าสามารถช่วยลดหุ่นรวมทั้งท้องที่เห็นผล รวมทั้งเกิดผลดีทางสุขภาพในทุกด้าน กระบวนการทำ I.F.เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายนำเอาไขมันเก่ามาใช้เป็นพลังงานมากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ไม่มีพลังงานจากของกิน

โดยมีแนวทางสำคัญเป็น ปรับลักษณะของช่วงการกิน (Feeding) แล้วก็ช่วงอด (Fasting) ของกิน โดยตอนที่รับประทานอาหารจำต้องได้รับสารอาหารครบถ้วนบริบูรณ์รวมทั้งได้จำนวนพลังงานรวมที่ร่างกายควรจะได้รับต่อวัน สามารถเลือกทำเป็นหลายแบบ

วิธีการลดพุงหรือลดหุ่นโดยแนวทาง I.F. จะได้ประสิทธิภาพที่ดีถ้าเกิดพวกเรามีวินัยโดยสามารถทำเป็นทุกวี่วันในตอนที่อยากลดความอ้วนหรือลดท้อง แต่ว่าจะต้องมีวันที่พักรวมทั้งกลับมารับประทานอาหารธรรมดาตลอดวัน แล้วก็ควรจะบริหารร่างกายบ่อยๆร่วมด้วยรวมทั้งยิ่งถ้าหากสามารถมีตัวช่วยสำหรับการรีบการเผาไหม้น้ำตาลและก็ไขมัน รวมทั้งหาตัวช่วยที่สามารถช่วยให้ร่างกายพวกเราเผาผลาญน้ำตาลแล้วก็ไขมันก้าวหน้าขึ้นรวมทั้งลดความหิวเวลาที่พวกเรางดเว้นรับประทานอาหารจะยิ่งสำเร็จที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับ มะขามป้อมประเทศอินเดีย เป็นเยี่ยมในผลไม้ที่มีการใช้ในทางอายุเวทของอินเดียมานานแล้ว โดยในตอนสำนักงานอดจะให้ทานมะขามป้อม เพื่อช่วยทำให้ระบบเผาผลาญน้ำตาลไขมันภายในร่างกายดียิ่งขึ้น ลดความหิว รวมทั้งปรับสมดุลร่างกาย ทำให้การลดหุ่นหรือท้องแล้วไม่ให้มองทรุดโทรม

9
mobile expo: 10 อันดับมือถือแบตอึดสุด ใช้งานได้ทั้งวัน ประจำเดือนมิถุนายน 2024

10 อันดับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมแบตเตอรี่สุดอึด ความจุสูงสะใจ ในตอนนี้จะมีรุ่นอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาฝากเพื่อนๆ ครับ รับรองว่าแต่ละรุ่นจะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างยาวนาน จนอาจจะลืมชาร์จแบตเตอรี่กันเลยทีเดียว

ASUS ROG Phone 8 Series
ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท
ASUS ROG Phone 8 Series ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท มือถือเกมมิ่งที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ไม่เหมือนใคร มีไฟ LED ที่ฝาหลัง มีชิปเกมทรงพลังตัวล่าสุดอย่าง Snapdragon 8 Gen 3  หน้าจอเทคโนโลยีใหม่ E6 AMOLED 6.78 นิ้ว Refresh rate สูง 165Hz และมาด้วยแบตเตอรี่ 5,500 mAh ชาร์จไว 65W

✅ ASUS ROG Phone 8 ความจุ 12GB + 256GB ราคา 27,900 บาท
✅ ASUS ROG Phone 8 Pro ความจุ 16GB + 512GB Pro ราคา 35,990 บาท
✅ ASUS ROG Phone 8 Pro ความจุ 24GB + 1TB Pro ราคา 35,990 บาท

Honor X9b
ราคา 10,990 บาท
มือถือที่มีแบตอึดที่มีความจุ 5,800mAh ชาร์จไว 35W โดยทาง HONOR เคลมว่าใช้งานได้ถึง 3 วัน ซึ่งจริงๆ แล้วอาจไม่ถึง ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยครับ นอกจากแบตอึดแล้วตัวเครื่องก็ยังอึดด้วย สามารถป้องกันความเสียหายจากการกระแทก ตกหล่น  หรือตกน้ำได้ด้วย HONOR Ultra Bounce หน้าจอกันกระแทก 360 องศา ใช้ชิปรุ่นประหยัดพลังงาน Snapdragon 6 Gen 1 และมีกล้องหลังความละเอียดสูง 108 MP

 ✅ ความจุ 12GB + 256GB ราคา 10,990 บาท

Honor Magic 6 Pro
ราคา 34,990 บาท
Honor Magic 6 Pro เป็นมือถือรุ่นเรือธงที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5600mAh พร้อมด้วยชิปเซ็ตเสริมพลัง HONOR E1 เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงาน แม้ว่าจะอยู่อากาศที่หนาวเย็น รองรับการชาร์จไว 80W และ 66W HONOR Wireless SuperCharge สำหรับการชารจ์แบบไร้สาย ด้านชิปใช้ขุมพลังตัวแรง Snapdragon 8 Gen 3 เสริมด้วยชิป HONOR C1+ RF เพิ่มพลังการเชื่อมต่อให้ดีขึ้น และมีกล้องซูม Periscope 2.5x Optical ความละเอียดสูง 180MP

✅ความจุ 12GB+256GB ราคา 34,990 บาท

iQOO Z9x 5G
ราคาเริ่มต้น 8,999 บาท
iQOO Z9x 5G มือถือเกมมิ่งตัวเด็ดในราคาไม่เกินหมื่น ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ใหญ่ 6000mAh รองรับชาร์จไว 40W FlashCharge ใช้ประหยัดพลังงานตัวใหม่ Snapdragon 6 Gen 1 หน้าจอเป็นแบบ IPS LCD ขนาด 6.72 นิ้ว, FHD+, Refresh rate สูง 120Hz, ความสว่าง 1000 nits ระบบเสียงลำโพงคู่ เพิ่มเสียงได้สูงสุด 300% มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับ Hi-Res Audio และ Hi-Res Audio Wireless

 ✅ความจุ 8GB+256GB ราคา 8,999 บาท
✅ความจุ 12GB+256GB ราคา 9,999 บาท

iQOO Z9 5G
ราคา 12,499 บาท
iQOO Z9 5G มือถือเกมมิ่งรุ่นกลางที่มาพร้อมแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 6000mAh รองรับชาร์จไว 80W FlashCharge ใช้ขุมพลังตัวใหม่ Snapdragon 7 Gen 3 ที่สามมรถปรับกราฟิกเกมสูงได้ มีระบบระบายความร้อน VC ขนาดใหญ่พิเศษ 6043 ตร.มม. หน้าจอเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว, FHD+, Refresh rate สูง 144Hz, ความสว่าง 4500 nits

✅ความจุ 12GB+256GB ราคา 12,499 บาท

Nubia Neo 2 5G
ราคา 6,999 บาท
Nubia Neo 2 5G 5G มือถือเกมมิ่งดีไซน์ล้ำ มาพร้อมแบตเตอรี่ใหญ่ 6000mAh รองรับชาร์จไว 33W ใช้พลังชิป Unisoc T820 มีปุ่ม SHOULDER TRIGGERS เหมือนปุ่ม L/R สำหรับการเล่นเกม หน้าจอเป็นแบบ IPS LCD ขนาด 6.72 นิ้ว, FHD+, Refresh rate สูง 120Hz ระบบเสียงลำโพงคู่ พร้อมการปรับจูนด้วย DTS:X ULTRA

✅ความจุ 8GB+256GB ราคา 6,999 บาท

OPPO A60
ราคาเริ่มต้น 5,999 บาท
OPPO A60 มีดีไซน์ทนทานระดับ Military-Grade กันกระแทกได้ดี และใช้งานได้แม้หน้าจอเปียกน้ำ มีแบตเตอรี่อึด 5000mAh ชาร์จไว 45W SUPERVOOC ชาร์จ 50% เพียง 30 นาที มีหน้าจอ LCD 6.67 นิ้ว FHD+, 90Hz, 950nits มีลำโพงสเตอริโอคู่

 ✅ความจุ 8GB+128GB ราคา 5,999 บาท
✅ความจุ 8GB+256GB ราคา 6,999 บาท

Redmi Note 13 Pro 5G
ราคา 12,990 บาท
Redmi Note 13 Pro มือถือตัวกลางสเปกคุ้ม มาพร้อมแบตเตอรี่ 5100mAh รองรับเทอร์โบชาร์จ 67W มีหน้าจอ AMOLED 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K, 120Hz, 1800 nits, Dolby Vision มีกล้องหลีงความละเอียดสูง 200MP ระบบเสียงมีลำโพงคู่ รองรับ Dolby Atmos ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

✅ความจุ 12GB+512GB ราคา 12,990 บาท

vivo Y18 5G
vivo Y18 แบตความจุ 5000mAh พร้อมอายุการใช้งานยาวนาน 40 เดือน การชาร์จ 15W มีหน้าจอ 6.56 นิ้ว, 90Hz, 840nits รับรองแสงสีฟ้าต่ำจาก TÜV Rheinland ป้องกันการกันน้ำกันฝุ่น IP54 ใช้ชิประดับเริ่มต้น
Helio G85 (4G) ประหยัดพลังงาน

✅ความจุ 4GB+128GB ราคา 4,490 บาท
✅ความจุ 8GB+128GB ราคา 5,490 บาท

 vivo Y28 5G
vivo Y28 มือถือสายสไลฟ์สไตล์ระดับเริ่มต้นที่ให้แบตความจุมามากถถึง 6000mAh รองรับชาร์จไว 44W มีหน้าจอ 6.68 นิ้ว, 90Hz, 1000nits ดีไซน์ตัวเครื่องเป็นแบบกรอบสี Metallic แวววาว ป้องกันกันน้ำ/ฝุ่น IP64 ระบบเสียงเป็นลำโพงคู่ เพิ่มเสียงได้สูงสุด 300% รองรับ Hi-Res Audio

 ✅ความจุ 8GB+128GB ราคา 6,290 บาท
✅ความจุ 8GB+128GB ราคา 6,990 บาท

10
Doctor At Home: ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis)

โรคท้องเดิน หรืออุจจาระร่วงเฉียบพลันที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักพบในเด็กเล็ก ส่วนมากจะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง มักพบติดต่อกันได้ง่าย บางครั้งอาจมีการระบาดในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือผู้สูงอายุ โรงเรียน เป็นต้น

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น ไวรัส โคโรนา (coronavirus) ไวรัสอะดีโน (adenovirus) ไวรัสแอสโตร (astrovirus) ไวรัสคาลิซิ (calicivirus) ไวรัสนอร์วอล์ก (Norwalk virus) เป็นต้น ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ บางชนิดก็อาจติดต่อโดยการไอ จาม หรือหายใจรดกัน หรือการปนเปื้อนเชื้อในอุจจาระเข้าทางเดินหายใจ (fecal respiratory transmission)

เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญของโรคท้องเดินเฉียบพลัน ซึ่งพบได้ในทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุ 6-24 เดือน) ได้แก่ ไวรัสโรตา (rotavirus) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ส่วนใหญ่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ป่วย และสามารถติดต่อทางการหายใจได้ ระยะฟักตัว 1-2 วัน

อาการ

มักมีไข้สูง ถ่ายเป็นน้ำบ่อย อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย มักจะเป็นอยู่นานเพียงไม่กี่วัน แต่บางรายอาจนาน 1-2 สัปดาห์

สำหรับโรคท้องเดินจากไวรัสโรตา เริ่มแรกจะมีอาการปวดท้อง อาเจียนนำมาก่อน แล้วจึงมีอาการถ่ายเป็นน้ำตามมา อุจจาระมีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มักมีไข้สูงร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมด้วย อาการมักเป็นอยู่นาน 5-7 วัน ในรายที่เป็นไม่มากก็มักจะหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการอาเจียนหรือถ่ายท้องรุนแรง ก็อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงได้

ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง

อาจทำให้เกิดภาวะพร่องแล็กเทส เนื่องจากเยื่อบุลำไส้เล็กที่อักเสบไม่สามารถสร้างเอนไซม์ชนิดนี้ชั่วคราว ทำให้มีอาการท้องเดินเรื้อรังตามมาได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งอาจตรวจพบไข้ และภาวะขาดน้ำ

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้-พาราเซตามอล และให้สารละลายน้ำตาลเกลือแร่

2. หากกินไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

การดูแลตนเอง

หากมีอาการถ่ายเป็นน้ำร่วมกับไข้ หรือสงสัยมีอาการท้องเดินจากไวรัส ควรดูแลตนเองดังนี้

1. กินอาหารที่ย่อยง่าย (เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก) รสไม่เผ็ดและไม่มันจัด งดผักและผลไม้

สำหรับทารก ให้ดื่มนมแม่ได้ตามปกติ ถ้าดื่มนมผงในระยะ 2-4 ชั่วโมงแรก ให้ผสมนมเจือจางลงเท่าตัว

2. ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ ครั้งละ 1/2-1 ถ้วย (250 มล.) บ่อย ๆ จนสังเกตเห็นมีปัสสาวะออกมากและใส จึงค่อยเว้นระยะห่างขึ้น

3. ถ้ามีไข้สูง ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล*

4. ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออุจจาระมีกลิ่นเหม็นจัด
    ถ่ายรุนแรง อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง หรือดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ได้น้อย (สังเกตพบปัสสาวะออกน้อย และมีสีเข้มอยู่เรื่อย ๆ)
    มีภาวะขาดน้ำค่อนข้างรุนแรง สังเกตพบมีอาการปากแห้ง คอแห้ง ลิ้นเป็นฝ้าหนา ตาโบ๋ ปัสสาวะออกน้อย
    มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ ใจหวิวใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว

สำหรับทารก มีท่าทางซึม ไม่ร่าเริง กระหม่อมบุ๋ม

    มีไข้เกิน 3-4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก หนังตาตก หรือพูดอ้อแอ้
    มีประวัติกินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย คางคก เห็ด (ที่สงสัยว่าเป็นเห็ดพิษ) หรือสงสัยว่าเกิดจากการกินสารพิษ
    มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอหิวาต์
    ดูแลตนเอง 24 ชั่วโมงแล้วไม่ทุเล
    หลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

1. ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันท้องเดิน

2. ควรแยกผู้ป่วยไม่ให้คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไอ จาม ควรปิดปาก อย่าไอหรือจามรดใส่ผู้อื่น

3. ผู้ดูแลทารกหรือเด็กเล็ก (เช่น ในสถานรับเลี้ยงเด็ก) ควรล้างมือกับสบู่ทุกครั้งที่ชำระก้นเด็กหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายไข้หวัดร่วมกับท้องเดิน บางรายจึงเรียกว่า "หวัดลงกระเพาะ" หรือ "ไวรัสลงกระเพาะ"

2. อาการจะคล้ายกับอาหารเป็นพิษ หรือบิดชิเกลลา ระยะแรกหลังให้การรักษาควรเฝ้าดูอาการเปลี่ยนแปลง ถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดตามมาควรให้การรักษาแบบบิดชิเกลลา

3. ถ้ามีภาวะพร่องแล็กเทสตามมา ควรให้เด็กงดนมมารดาและนมวัว ให้ดื่มนมถั่วเหลืองแทน และให้การดูแลแบบภาวะพร่องแล็กเทส

11
จัดฟันบางนา: เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ผลิตขึ้นมาได้อย่างไร

 การเข้ารับการจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่มีการนำนวัตกรรมรูปแบบใหม่เข้ามาใช้ในการรักษาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการรักษาตลอดจนขั้นตอนการรักษา ซึ่งการจัดฟันแบบใสเป็นการจัดฟันแห่งอนาคตเลยก็ว่าได้ เพราะดีต่อผู้เข้ารับการจัดฟันและดีกับตัวทันตแพทย์เอง ซึ่งหลายคนที่เคยผ่านการจัดฟันมาแล้ว อาจจะทราบว่าขณะที่เรากำลังเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้นเราจะต้องดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันให้ดีเป็นพิเศษเพื่อที่จะได้ป้องกันการเกิดปัญหาฟันขณะเข้ารับการจัดฟัน

สำหรับข้อดีของผู้เข้ารับการจัดฟันก็คือได้มีการใช้งานของเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ที่สามารถมองเห็นได้ยาก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับการจัดฟันแต่ไม่อยากให้ใครเห็นเครื่องมือการจัดฟันได้อย่างชัดเจน เพราะหลายคนเชื่อว่าการที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปากจะทำให้เราสูญเสียบุคลิกภาพและทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการพูดการออกเสียงอีกด้วย นอกจากนี้ การเข้ารับการจัดฟันแบบใสยังดีต่อสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสออกได้ขณะแปรงฟัน

ทำให้สามารถแปรงฟันได้ตามปกติและทั่วถึงทุกซอกทุกมุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะต่างจากการจัดฟันแบบเหล็กจัดฟันที่ถูกติดตั้งอยู่บนผิวฟันสามารถทำความสะอาดได้ยากกว่า สำหรับข้อดีของทันตแพทย์ก็คือเครื่องมือการจัดฟันมีกระบวนการทำงานที่สบายกว่าเครื่องมือชนิดอื่น เพราะเครื่องมือการจัดฟันใช้การออกแบบและวางแผนการรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้ทันตแพทย์ไม่ต้องติดเครื่องมือเองและไม่ต้องนัดผู้เข้ารับการจัดฟันบ่อยๆ ไม่ต้องปรับเครื่องมือแบบเดิมๆ ไม่ต้องแกะลวด ไม่ต้องเปลี่ยนยางเหมือนกับเครื่องมือการจัดฟันแบบทั่วไป ซึ่งจะมีความสะดวกสบาย ทั้งหมดนี่คือข้อดีของการจัดฟันแบบใสที่เอื้อในเรื่องของประโยชน์แก่ผู้ป่วยและทันตแพทย์

หากเราพูดถึงเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ต้องบอกว่าเป็นเครื่องมือที่ทันยุคทันสมัย เพราะการจัดฟันแบบใสและใช้เครื่องมือการจัดฟันนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราเลย ด้วยเครื่องมือการจัดฟันแบบใสที่ออกแบบมาด้วยลักษณะที่เป็นพลาสติกใส จะมองเห็นได้ยากและยังสวมใส่ได้ง่ายถอดออกได้อย่างสะดวก ไม่ทำให้เจ็บ นอกจากนี้ ข้อสำคัญที่สุดเลยก็คือเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะถูกผลิตขึ้นเป็นของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะและออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ต้น

แต่ในการเข้ารับการจัดฟันแบบใสจะมีเครื่องมือหลายชิ้นตลอดการรักษา ซึ่งผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องจำเป็นที่จะใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใสวันละ 22 ชั่วโมงและเปลี่ยนชิ้นใหม่ทุกๆสองสัปดาห์ สำหรับ ใครหลายคนที่กำลังตัดสินใจเข้ารับการจัดฟันแบบใสที่มีคำถามที่ว่าเครื่องมือการจัดฟันแบบใสผลิตขึ้นมาได้อย่างไร วันนี้ทางคลินิกของเรามีคำตอบมาให้ทุกคนได้เป็นแนวทางหรือใครข้อสงสัยเกี่ยวกับเครื่องมือการจัดฟันแบบใส สำหรับการผลิตเครื่องมือการจัดฟันแบบใสนั้น

ก็มาจากกระบวนการขั้นตอนการรักษาที่ทางทันตแพทย์จะต้องทำการตรวจประเมินช่องปาก พิมพ์ปาก และออกแบบเครื่องมือด้วยระบบคอมพิวเตอร์เพื่อจัดส่งไปยังแลปเพื่อให้ผลิตชิ้นงานออกมาซึ่งเครื่องมือแบบใส ก็มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์และเครื่องจักรในการผลิตซึ่งจะมีคุณภาพและความประณีตมาก ซึ่งช่วยให้สามารถเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง
สำหรับการผลิตเครื่องมือการจัดฟันแบบใสจะเริ่มจากทันตแพทย์พิมพ์ปากผู้เข้ารับการจัดฟันจากนั้นจะสแกนแบบพิมพ์ฟันปูนและแปลงไปเป็นข้อมูลดิจิตอลและส่งไปที่แลปต่างประเทศ เมื่อได้รับแบบจำลองฟันของผู้เข้ารับการจัดฟันแล้ว ก็จะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์จำลองการเคลื่อนฟันแบบสามมิติจากนั้นก็จะส่งแบบจำลองการเคลื่อนฟันซึ่งเป็นไฟล์คอมพิวเตอร์กลับมาให้ทันตแพทย์พิจารณาเมื่อทันตแพทย์พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะแจ้งให้ผลิตเครื่องมือต่อไป

ทางคลินิกของเรา ยังได้รับการรับรองสูงสุดจาก Invisalign เพื่อให้เข้ารับการจัดฟันได้อย่างถูกต้อง มีมาตรฐานสากลและยังมีความน่าเชื่อถือเพราะการจัดฟันแบบใสนั้น จะต้องได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ที่ผ่านการรับรองเท่านั้น เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย และทางทันตแพทย์ของเรายังสามารถให้คำปรึกษาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างถูกต้องและเป็นกันเอง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าหากคุณเข้ารับการรักษาจากทางคลินิกของเรา คุณจะมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติและสามารถใช้ชีวิตชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

12
มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: Mitsubishi L200 Triton Savana 2023 ใหม่ รุ่นพิเศษเอาใจสายลุยที่บราซิลโดยเฉพาะ

Mitsubishi L200 Triton Savana ใหม่ กระบะรุ่นพิเศษที่ถูกตกแต่งเอาใจสายออฟโรดชาวบราซิลโดยเฉพาะ เน้นความดิบถึงขั้นติดตั้งล้อกระทะมาให้จากโรงงาน พร้อมขุมพลังดีเซล 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า


แม้ว่า All-new Mitsubishi Triton 2024 เจเนอเรชันที่ 6 ใหม่ จะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ แต่มิตซูบิชิแห่งบราซิลก็ยังเดินหน้าปล่อยรุ่นพิเศษที่ถูกตกแต่งเอาใจสายลุยโดยเฉพาะ โดยมีชื่อเรียกว่า Triton Savana และอาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในเวอร์ชันของกระบะ Triton ที่น่าใช้ที่สุดเลยก็ว่าได้

     
Mitsubishi L200 Triton Savana โดดเด่นสะดุดตาด้วยตัวถังสีเหลือง Amarelo Rally มาพร้อมแร็กหลังคาและถาดวางสัมภาระตกแต่งด้วยสีดำ, กันชนหน้าตกแต่งด้วยสีดำ และบันไดข้างสีดำ โดยทั้งหมดถูกเคลือบด้วยวัสดุกันรอยที่เรียกว่า X-liner เสริมด้วยสติกเกอร์ตกแต่งบริเวณประตูข้าง, ท่อสน็อกเกิลสีเทา Graphite Gray ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลุยน้ำ รวมถึงล้อกระทะสีดำขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางแบบ All-terrain ติดตั้งมาให้จากโรงงาน


ถึงจะเป็นรุ่นพิเศษที่เน้นประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรด แต่ก็ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานมาให้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual-zone, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส JBL ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางในตัว, กล้องมองภาพขณะถอยหลังพร้อมเซ็นเซอร์กะระยะท้าย เป็นต้น


ด้านขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน อีกทั้งยังระบุอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ไว้ที่ 10.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 190 กม./ชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 10.3 กม./ลิตร

     
ส่วนบ้านเราเตรียมรอ Mitsubishi Triton เจเนอเรชันที่ 6 ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ได้เลย

13
บริหารจัดการอาคาร: การเลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นให้ปลอดภัย ใช้งานไปได้ยาวๆ

เมื่อบ้านเราเข้าสู่หน้าหนาว สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่สุดในการอาบน้ำก็คือ อุณหภูมิน้ำที่เย็นยะเยือก ทำให้การอาบน้ำเป็นการอาบน้ำที่นานกว่าปกติ บางคนถึงขั้นไม่อาบน้ำกันเลยทีเดียว ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นภายช่วงหน้าหนาวแบบนี้ คงหนีไม่พ้นเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราได้เป็นอย่างดี สมัยนี้เครื่องทำน้ำอุ่นมีขายได้ทั่วไป ราคาไม่แพง มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ

ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปรุ่นและคุณสมบัติพิเศษ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,500 – 8,000 บาท ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับกำลังไฟฟ้า โดยมีตั้งแต่ 1,000 วัตต์ขึ้นไปและติดตั้งง่าย สามารถติดตั้งด้วยตัวเอง ทำให้อาบน้ำได้ง่ายขึ้นในช่วงหน้าหนาวหรือเหมาะสำหรับคนที่ชอบอาบน้ำอุ่นๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ แต่ถ้าหากเราจะซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นสักเครื่อง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเหมาะสมหรือต้องเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างไร ดูจากปัจจัยอะไรบ้าง วันนี้ทาง เราจะมาแนะนำการเลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นให้ปลอดภัย ใช้งานไปได้ยาวๆ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่ต้องการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้พิจารณาจากปัจจัยต่างๆได้อย่างเหมาะสม

 ก่อนเลือกซื้อหรือติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น สิ่งแรกที่เราจะต้องพิจารณาก็คือ ควรตรวจสอบระบบความปลอดภัยภายในบ้านก่อน เพราะสิ่งที่สำคัญของการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นก็คือ สายดิน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีสติ๊กเกอร์ติดไว้บนเครื่อง โดยสายดินที่ถูกต้องควรเดินสายรวมกับสายดินหลัก ซึ่งต่อลงดินที่เมนเบรกเกอร์ของบ้าน แต่ถ้าไม่มีอาจจะต่อสายดินเฉพาะเครื่องทำน้ำอุ่น โดยพยายามหาที่ต่อลงดินให้ลึกพอ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน และสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณากคือ กำลังไฟ

เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังไฟเหมาะสมกับมิเตอร์ไฟฟ้าและจำนวนสมาชิกภายในบ้าน จะช่วยให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และไม่เกินขนาดจนสร้างปัญหาตามมาภายหลัง และเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบลวดขดทองแดง ที่ทำความร้อนเร็ว ขนาดตัวเครื่องพอเหมาะ ไม่มีปัญหาเรื่องหม้อต้ม แต่ไม่สามารถถอดอุปกรณ์ออกมาทำความสะอาดได้ หรือเครื่องทำน้ำอุ่นแบบหม้อต้มทองแดง เป็นประเภทที่มีความทนทาน ใช้งานได้นานกว่าแบบอื่น ๆ

ให้อุณหภูมิคงที่และทำความร้อนเร็ว แต่อาจมีปัญหาเรื่องหม้อต้มรั่วซึมและตะกรันน้ำ ต้องหมั่นเช็กจุดกรองน้ำบ่อย ๆ หรือจะเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นแบบหม้อต้มพลาสติก มีราคาถูกและประหยัดพลังงาน สามารถถอดหม้อต้มออกมาทำความสะอาดได้ พบการรั่วซึมน้อย แต่ให้ความร้อนช้าและอายุการใช้งานสั้น ซึ่งทั้ง 3 แบบ ก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในห้องน้ำซึ่งเสี่ยงจะเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ง่าย

ควรคำนึงถึงระบบความปลอดภัยของตัวเครื่อง ตามมาตรฐานความปลอดภัย ควรมีเครื่องป้องกันไฟฟ้ารั่ว มีเครื่องหมาย มอก. และต้องคำนึงถึงระบบประหยัดพลังงานด้วย เนื่องจากเครื่องทำน้ำอุ่นถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูง สังเกตว่ามีฉลากประหยัดไฟหรือไม่ ใช้พลังงานประมาณกี่วัตต์ เพื่อให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่จะตามมาทีหลัง อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเช็กระยะการคุ้มครองหรือประกันด้วย โดยถ้าเป็นไปได้ควรเลือกให้นานที่สุดไ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้ประกันประมาณ 5 ปี และลองเช็คราคาด้วยว่า คุ้มค่าต่อการใช้งานหรือไม่

 หากอยากปรึกษา ถึงระบบการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ก็สามารถติดต่อทางเราได้ เพราะมีบริการ ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น และติดตั้งระบบประปา ออกแบบท่อน้ำในอาคาร ติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำในอาคาร และระบบจัดการแบบครบวงจร โดยเราจะทำการประเมินวิเคราะห์และออกแบบวางแผนบำรุงรักษา และเรายังมีแผนการซ่อมแซมตามปกติที่ต้องเข้าดูแลอย่างรวดเร็ว ได้อย่างมืออาชีพ เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งานของลูกค้ามากที่สุด

14
หมอประจำบ้าน: โรคไข้รูมาติก

โรคไข้รูมาติก เป็นเกิดจากอาการอักเสบที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส การติดเชื้อแบคทีเรียนี้มักทำให้เกิดอาการคออักเสบและอาจนำไปสู่อาการที่รุนแรงขึ้น ซึ่งรวมถึงความเสียหายถาวรต่อหัวใจและลิ้นหัวใจ โดยอาจรุนแรงจนนำไปสู่ภาะหัวใจล้มเหลวได้ ไข้รูมาติกสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แต่ส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อเด็กที่มีอายุระหว่าง 5 ถึง 15 ปี การรักษาไข้รูมาติกมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความเสียหายจากการอักเสบ บรรเทาอาการปวด และอาการอื่น ๆ รวมทั้งป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรค

อาการไข้รูมาติก

ผู้ที่เป็นไข้รูมาติกอาจมีสัญญาณและอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ข้อต่อ ผิวหนัง หรือระบบประสาทส่วนกลาง โดยสัญญาณและอาการดังกล่าวอาจรวมถึงอาการดังต่อไปนี้

    ไข้
    อาการปวดและกดเจ็บในบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะในข้อต่อบริเวณหัวเข่า ข้อเท้า ข้อศอก และข้อมือ
    ข้อต่อที่ร้อนหรือบวม
    ตุ่มที่ไม่เจ็บปวดใต้ผิวหนัง
    ผื่นที่ไม่เจ็บปวด
    อาการเจ็บหน้าอก
    เสียงฟู่ในหัวใจ
    อาการเหนื่อยล้า
    การเคลื่อนไหวของร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้
    พฤติกรรมที่ผิดปกติเช่น การหัวเราะ หรือร้องไห้ที่ไม่เหมาะสม

เมื่อไหร่จึงควรพบแพทย์

ขอแนะนำให้พาเด็กไปพบแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้

    อาการเจ็บคอ
    อาการเจ็บปวดขณะกลืน
    ไข้
    ปวดหัว
    ปวดท้อง
    คลื่นไส้
    อาเจียน

สาเหตุของโรคไข้รูมาติก

การติดเชื้อจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสทั้งในลำคอหรือผิวหนังเป็นสาเหตุของไข้รูมาติก แบคทีเรียเข้าโจมตีระบบภูมิคุ้มกันซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ซึ่งรวมถึงเนื้อเยื่อของหัวใจ ข้อต่อผิวหนัง และระบบประสาทส่วนกลาง ช่วงเริ่มต้นของการอักเสบอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บคอและโรคไข้อีดำอีแดง หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอาจพัฒนาเป็นไข้รูมาติก

ปัจจัยเสี่ยงโรคไข้รูมาติก

พบว่ามีปัจจัยบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงของไข้รูมาติก ได้แก่

    ปัจจัยทางพันธุกรรม
    เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส
    ปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายได้ง่ายเช่น สถานที่ที่คนความแออัดและการสุขาภิบาลที่ไม่ดี

ภาวะแทรกซ้อน

โรคไข้รูมาติกอาจกินเวลาสองสามสัปดาห์ถึงหลายเดือน แต่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว ได้แก่

    ลิ้นหัวใจเสียหาย ไข้รูมาติกอาจทำให้เกิดความเสียหายของลิ้นหัวใจ ซึ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลง ความเสียหายอาจรวมถึง
        ลิ้นหัวใจตีบ
        ลิ้นหัวใจรั่ว
    กล้ามเนื้อหัวใจเสียหาย การอักเสบอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลง ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการสูบฉีดของหัวใจ

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจนำไปสู่สภาวะหัวใจที่รุนแรงเช่น ภาวะหัวใจห้องบนเต้นผิดปกติและภาวะหัวใจล้มเหลว

การวินิจฉัยโรคไข้รูมาติก

การวินิจฉัยไข้รูมาติกเป็นการผสมผสานระหว่างการประเมินประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกาย และการทดสอบหลายอย่างที่อาจรวมถึง

    การทดสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ (Swab test) แพทย์มักใช้การทดสอบการเช็ดคอกับเด็กและอาจไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบแบคทีเรียอีก
    การตรวจเลือด แพทย์อาจต้องตรวจเลือดเพื่อ
        ตรวจหาแอนติบอดีต่อแบคทีเรียสเตรป
        ตรวจหาการอักเสบ
    การทดสอบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG) คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG) ถูกใช้เพื่อบันทึกสัญญาณไฟฟ้าในหัวใจเพื่อ
        ค้นหากิจกรรมทางไฟฟ้าที่ผิดปกติ
        กำหนดพื้นที่ที่ขยายใหญ่ขึ้นของหัวใจ
    การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) แพทย์อาจใช้การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อสร้างภาพของหัวใจเพื่อตรวจหาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ

การรักษาไข้รูมาติก

การรักษาไข้รูมาติกมีวัตถุประสงค์เพื่อ

    ทำลายเชื้อแบคทีเรีย
    บรรเทาอาการของโรค
    ควบคุมการอักเสบ
    ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรค

การรักษาอาจรวมถึงการให้ยาหลายชนิดรวมทั้ง ยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบ และยากันชัก

การเตรียมตัวก่อนการพบแพทย์

ก่อนการนัดหมายคุณควรตระหนักถึงข้อจำกัดก่อนการนัดหมาย และคุณอาจเตรียมข้อมูลบางอย่างของบุตรหลานของคุณอันได้แก่

    อาการ
    ความเจ็บป่วยล่าสุด
    ยา วิตามิน และอาหารเสริมอื่น ๆ ทั้งหมดที่ใช้อยู่
    คำถามที่คุณต้องการถามแพทย์

ในระหว่างการปรึกษา แพทย์อาจถามคำถามบางอย่างรวมถึงข้อมูลเช่น

    จุดเริ่มต้นของอาการ
    การเปลี่ยนแปลงของอาการเมื่อเวลาผ่านไป
    ประสบการณ์ไข้หวัดหรือหวัด
    ประสบการณ์การเจ็บคอ
    ประวัติการได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคคออักเสบหรือไข้อีดำอีแดง
    การบริโภคยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาโรคคออักเสบหรือไข้อีดำอีแดง

15
คอนโดติดรถไฟฟ้า นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น (Nue Z-Square Suan Luang Station)
เริ่มต้น 1.89 ลบ.

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น (Nue Z-Square Suan Luang Station)
คอนโดโลว์ไรส์ Facilities จัดเต็มถึง 3 ชั้น มาพร้อมห้องหน้ากว้าง พร้อมเฟอร์ ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์คนยุคใหม่ 3 นาที ถึง ซีคอน สแควร์

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ             นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น (Nue Z-Square Suan Luang Station)
 เจ้าของโครงการ       โนเบิลดีเวลลอปเม้นท์
 ราคา                     เริ่มต้น 1.89 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล              คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด            Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           1 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี             ตั้งแต่ 22.20 ถึง 51.80 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด             2 ไร่ 1 งาน 0 ตร.ว.
 จำนวนตึก                  2 อาคาร
 จำนวนชั้น                 8 ชั้น
 จำนวนห้อง              289 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด       106 คัน (ประมาณ 36.68%)
 ค่าบำรุงส่วนกลาง      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค         สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, อื่นๆ (Smart Mailbox, ห้องซักผ้า), สวนหย่อม, Co-Working Space

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน          ประเวศ, พระโขนง, สวนหลวง
 ที่ตั้ง          ซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 5-2 ถนนศรีนครินทร์ ตำบลหนองบอน (พระโขนงฝั่งใต้) อำเภอประเวศ (พระโขนง) กรุงเทพฯ 10250

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:           ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สถานี(ลาดพร้าว - สำโรง)(สวนหลวง ร.9)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Seacon Square
Paradise Park
Mega & Ikea บางนา
Big C บางนา
Decathlon บางนา
Market Village สุวรรณภูมิ
Central บางนา
สนามบินสุวรรณภูมิ

หน้า: [1] 2 3 ... 12
Tage: ลงประกาศฟรี โฆษณาสินค้าฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ลงประกาศขายที่ดินฟรี ลงประกาศขายคอนโดฟรี ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ลงประกาศฟรี ติด google